นายปิติ จารุกำจร รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวสูงและบริหารกลยุทธ์โครงการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทอาจจะพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้จากระดับ 4.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทำยอดขายได้ดีเกินคาด โดยช่วง 9 เดือนแรกมียอดขายเกินเป้า 1.7 หมื่นล้านบาท มาที่ 1.9 หมื่นล้านบาท จากการกระตุ้นการขายและการทำโปรโมชั่นของบริษัทมาต่อเนื่อง และการตอบรับที่ดีของลูกค้า สวนทางกับภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวในปีนี้
ขณะที่ยอดโอนของบริษัทยังทำได้ดีต่อเนื่อง จากการขายโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และโครงการที่สร้างเสร็จใหม่ ซึ่งมีการทยอยโอนมาอย่างต่อเนื่องทำให้ปัจจุบันยอดโอนของคอนโดมิเนียมทำได้ใกล้เข้าเป้าหมายทั้งปี 2.4 หมื่นล้านบาทแล้ว โดยมียอดโอนแล้ว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 4/63 บริษัทจะมีการทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียมเข้ามาอีกราว 4 พันล้านบาท ทำให้ยอดโอนโครงการคอนโดมิเนียมเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้
โครงการคอนโดมิเนียมล่าสุดที่บริษัทเตรียมโอนในช่วงต้นเดือนต.ค.นี้ คือ โครงการ XT เอกมัย มูลค่า 3.6 พันล้านบาท ปัจจุบันทำยอดขายได้แล้ว 70% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวต่างชาติซื้อสัดส่วน 65% โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนและฮ่องกง ส่วนลูกค้าชาวไทยมีสัดส่วน 35% ลูกค้าส่วนใหญ่วางเงินซื้อโครงการครอบคลุมแล้ว 100% ของราคาห้อง ทำให้บริษัทมั่นใจในเรื่องการโอน คาดว่าจะมีการโอนมากกว่า 90% ของลูกค้าที่ซื้อโครงการไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนต.ค.ถึงต้นปี 64 และคาดว่าโครงการ XT เอกมัยจะปิดการขายได้ 100% ภายในปลายปี 64
สำหรับทำเลเอกมัยยังคงเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง และชาวต่างชาติที่สนใจอยู่อาศัยในทำเลเอกมัย และราคาที่มีการปรับขึ้น 4-5% ต่อปี โดยที่ราคาขายของโครงการ XT เอกมัยในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 170,000-180,000 บาท/ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงพรีเซลที่ 160,000-170,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งราคาได้มีการปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของทำเลย่านเอกมัยที่ยังเป็นทำเลที่มีศักยภาพ
ส่วนโครงการใหม่ที่บริษัทเตรียมโอนในช่วงที่เหลือของปี 63 ยังเหลืออีก 1 โครงการใหม่ที่สร้างเสร็จ คือโครงการ LA HABANA หัวหิน มูลค่า 2.4 พันล้านบาท จะโอนในช่วงปลายปีนี้ พร้อมกับบริษัทได้มอบโปรโมชั่นสุดพิเศษ ผ่อนแบบไม่เสียดอกเบี้ย เพียง 2,999 บาท นาน 24 เดือน และจัดโบนัสให้ไปเต็มๆ สูงสุด 150,000 บาท กับลูกค้าที่ซื้อโครงการตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธ.ค. 63 เพื่อแบ่งเบาภาระในการผ่อนชำระของลูกค้า และสร้างวินัยทางการเงินที่ดีให้กับลูกค้า พร้อมกับมอบประกันสุขภาพเพื่อชีวิตดีดีของทุกคน กับสิทธิพิเศษ ความคุ้มครองสูงสุดถึง 770,000 บาทที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำเครือ BDMS เป็นกานกระตุ้นการขายและการโอนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้
อย่างไรก็ตามในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อที่ชะลอตัว และกระทบต่อตลาดคอนโดมิเนียมที่ชะลอตัวลง ทำให้บริษัทได้พิจารณาเลื่อนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังออกไป 1 โครงการ มูลค่า 1 พันล้านบาท ทำให้จากแผนงานในต้นปีบริษัทได้เลื่อนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมไปทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าราว 7 พันล้านบาท
บริษัทมองว่าหากภาวะตลาดในช่วงนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมในการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ หากเร่งการเปิดตัวโครงการใหม่อาจจะทำยอดขายได้ไม่ดี และไม่คุ้มค่ากับเงินที่บริษัทลงทุนไป ทำให้บริษัทตัดสินใจเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ออกไป และรอจังหวะของตลาดให้กลับมาดีขึ้นก่อน และนำโครงการใหม่มาเปิดขายอีกครั้ง โดยที่โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปี 63 บริษัทเปิดไป 1 โครงการ คือ โครงการDcondo Hideway รังสิต มูลค่า 1.5 พันล้านบาท ทำยอดขายได้แล้ว 45%