นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์ทางเทคนิคในช่วงสั้น ๆ รับผลจากตลาดสหรัฐฟื้นหลังมีความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อีกทั้งยังมีลุ้นดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของทั้งยูโรโซน และสหรัฐฯที่จะทยอยประกาศออกมา ซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาดี หลังจากที่จีนประกาศออกมาดีเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังมีปัจจัยลบจากสหรัฐขยายเวลาห้ามแบงก์ใหญ่จ่ายปันผล และซื้อหุ้นคืน ออกไปอีกในไตรมาส 4/63 ทำให้มองว่ากลุ่มแบงก์ยังมีความเสี่ยงอยู่ อีกทั้งวันนี้หลายตลาดในเอเชียต่างปิดทำการด้วย โดยตลาดหุ้นฮ่องกง, จีน, ไต้หวัน ต่างปิดทำการ และตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ปิดทำการด้วยหลังจากที่มีปัญหาระบบการเทรด ดังนั้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็อาจจะอ่อนตัวได้ในช่วงสั้น
นอกจากนี้ วันนี้ให้ติดตามการกลับมาใช้เกณฑ์ปกติของ Short Sell และซีลลิ่ง-ฟลอร์ ด้านผลประกอบการงวดไตรมาส 3/63 ก็คาดว่าจะออกมาไม่ดี ซึ่งมองว่าตลาดฯก็ยังมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง เพราะดัชนีหลุดแนวสำคัญทางเทคนิค
พร้อมให้แนวรับ 1,225-1,220 จุด ส่วนแนวต้าน 1,245-1,250 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,781.70 จุด พุ่งขึ้น 329.04 จุด (+1.20%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,363.00 จุด เพิ่มขึ้น 27.53 จุด (+0.83%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,167.51 จุด เพิ่มขึ้น 82.26 จุด (+0.74%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.67 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.24 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นประกาศระงับซื้อขายเช้านี้ หลังพบปัญหาเกี่ยวกับเครือข่าย, ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ, ตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ก.ย.63) 1,237.04 จุด ลดลง 20.30 จุด (-1.61%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,989.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ก.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ก.ย.63) ปิดที่ 40.22 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 2.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ก.ย.) อยู่ที่ 1.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.60 แข็งค่าจากวานนี้ นักลงทุนรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
- "สุพัฒนพงษ์"เตรียมถก ตลท.ตั้งกองทุนพยุงตลาดทุนไทย ด้านประธานเฟทโก้เผยไม่เห็นด้วย เหตุมีวิธีอื่นดีกว่าและไม่เป็นภาระรัฐบาล ด้านที่ประชุมศบศ. 7 ต.ค.แย้มเพิ่มมาตรการดึงเงินกลุ่มผู้มีรายได้สูงกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้หลังโควิด-19 คลี่คลาย เตรียมนโยบาย "ติดเทอร์โบประเทศไทย" อัดฉีดมาตรการสั้น-ยาว คาดเห็นเศรษฐกิจฟื้นใน 2 ปี
- แบงก์ชาติประเมินเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง "หดตัว" 8.5% หนักกว่าครึ่งปีแรก พร้อมประเมิน "จีดีพี" กลับมาขยายตัวไตรมาส 2 ปีหน้า ขณะหนี้ครัวเรือนล่าสุดพุ่งแตะ 84% ต่อจีดีพี ทำสถิติสูงสุดใหม่ ชี้ผลจากเศรษฐกิจหดตัวแรง ส่วนมูลหนี้ยังทรงตัว ด้านศูนย์วิจัยกสิกรประเมินแนวโน้มส่อแตะ 90% ต่อจีดีพีในสิ้นปีนี้
- กพท.ประเมินรายได้ 9 สายการบินในไทยปี 63 โควิดฉุดเหลือเพียง 8.28 หมื่นล้านบาท ลดต่ำ 73% คาดอุตสาหกรรมฟื้นปกติปี 66 ด้านทอท. รับสภาพคล่องในมือเหลือ 4 หมื่นล้านบาท ลุ้นวัคซีนผลิตปีหน้า ขณะที่การบินไทยเร่งปรับตัวหารายได้นอนคอร์ อัพเดทแผนฟื้นฟูปิดยื่นหนี้ 2 พ.ย.นี้
- กระทรวงอุตสาหกรรม ปลื้มเอ็มพีไองวด ส.ค.ขยายตัว 4.81% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 91.43 สะท้อนภาคอุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดแล้ว พร้อมติดตามโควิดระบาดระลอก 2 แนะไทยให้ความสำคัญการบริโภคในประเทศ ด้านพาณิชย์โอดการใช้สิทธิทางการค้า FTA และ GSP ครึ่งปี 63 ลดลง 14.26%
- "แอตต้า" เสนอให้รัฐบาลยอมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากจีน ไต้หวัน เข้ามาเที่ยวในไทย แบบไม่กักตัว แต่ให้มีมาตรการดูแลอย่างเข้มงวดแทน ในเดือนธ.ค.นี้ กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปีใหม่และตรุษจีนปีหน้า คาดว่าจะมีคนเข้ามาในไทยแสนคนต่อเดือน สร้างรายได้ 5,000 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- MICRO (บมจ.ไมโครลิสซิ่ง) เทรดวันนี้วันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยมีราคาขาย IPO 2.65 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส (เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ MICRO) ประเมินราคาเป้าหมาย 3.60 บาท โดยคาดสินเชื่อปี 2563-2564 +23% CAGR สำรองและต้นทุนทางการเงินทยอยลดลง คาดกำไรปี 2563 +29% Y-Y และ +32% Y-Y ในปี 2564 โดยบริษัทฯให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง ในปี 2559-2562 พอร์ตสินเชื่อโตอย่างรวดเร็วเฉลี่ย 22% CAGR คุณภาพสินเชื่ออยู่ในเกณฑ์ดี แม้โควิด-19 จะทำให้สินเชื่อใน H1/63 โตต่ำกว่าเป้าและ Credit cost เพิ่มขึ้น แต่คาดดีขึ้นใน H2/63 เพราะเป็นรถเพื่อประกอบอาชีพโดยเฉพาะรถมือสองเป็นที่นิยมกว่ารถมือหนึ่ง
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 17 บาท คาดกำไร Q3/63 -13% Q-Q แต่โตแรง +54% Y-Y หนุนโดย Gross Margin ที่ขยายตัว ขณะที่แนวโน้ม Q4/63 คาดทำจุดสูงสุดของปีหนุนด้วยการเปิดตัว iPhone 12 และสินค้า Gaming พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 2563-2565 ขึ้น 6-10% และคาดกำไรโต +18%/15%/16% ตามลำดับ สะท้อน Margin ที่มีแนวโน้มดีกว่าคาด ส่วนด้านสภาพคล่องในการดำเนินงานดีขึ้นตาม Cash Cycle ที่ทยอยลดลง
- TACC(เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 7.10 บาท มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากยอดขายสินค้าเครื่องดื่มของ TACC จาก 7-11 ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดโดยในช่วง Q3/63 กลับเข้าสู่ระดับปกติก่อน โควิด-19 แล้ว, และ Project upsize ของ All cafe มีสาขาร่วมขายเพิ่มขึ้นเป็น 7,800 (จากสาขา 2,000 สาขาใน Q2/63) พร้อมมองกำไรสุทธิปี 2563 ขึ้น +14% เป็น 201 ล้านบาท (+24% YoY) และปี 2564 ขึ้น +18% เป็น 233 ล้านบาท (+16% YoY) จากการปรับ GPM ขึ้นและได้รวมรายได้จากการขยาย 7-11 ไปยังประเทศกัมพูชาและลาวในปี 2564 ที่ 12 ล้านบาท (เปิด 100 สาขา/ประเทศ)