บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯมีมุมมองเป็นกลางถึงลบต่อภาพการลงทุนในสัปดาห์หน้า (5-9 ต.ค.)จากปัจจัยภายในและต่างประเทศยังเป็นลบ โดยให้กรอบดัชนีที่ 1,210-1,250 จุด
ปัจจัยต่างประเทศข่าวติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ และ ภรรยา อาจกระทบต่อการเลือกตั้งของสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. รวมไปถึงการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่อาจจะล่าช้าออกไปกดดันภาพรวมการลงทุนในสหรัฐ และเป็น Sentiment ลบไปยังตลาดอื่นๆ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา (WTI-8% และ Brent-7.4%) จะยิ่งซ้ำเติมหุ้นกลุ่มธุรกิจน้ำมันของบ้านเรา
ส่วนปัจจัยในประเทศเริ่มเข้าใกล้วันชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเยาวชนปลดแอกมากขึ้น (14 ต.ค.) ปัจจัยนี้จะกดดันให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนและเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงท้ายสัปดาห์ ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนอยู่ในช่วง Preview งบไตรมาส 3/63 และสัปดาห์ถัดไปกลุ่มธนาคารจะทยอยประกาศงบ เบื้องต้นแนวโน้มกำไรของกลุ่มธนาคารคาดว่าจะฟื้นตัว qoq แต่ยังหดตัวแรงเมื่อเทียบ yoy และที่สำคัญกลุ่มนี้ยังมี Overhang ของปัญหา NPL หลังสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ จึงเป็นอีกกลุ่มที่ราคาหุ้นยังลดลงกดดันตลาด
กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเลือกเล่นรายตัวในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/63 กลับมาดี และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/63 และปีหน้า โดยมีหุ้น Top pick สัปดาห์นี้ คือ บมจ. อาม่า มารีน (AMA), บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) และบมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU)