(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: วิตกตลาดซับไพรม์ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 387.18 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 10, 2007 06:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงกว่า 380 จุดเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพรม์) ในสหรัฐกำลังทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากวาณิชธนกิจบีเอ็นพี พาริบาส์ ของฝรั่งเศสประกาศปิดกองทุน 3 แห่งที่ลงทุนในตลาดซับไพรม์ในสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทรุดตัวลง 387.18 จุด หรือ 2.83% ปิดที่ระดับ 13,270.68 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 รูดลง 44.40 จุด หรือ 2.96% ปิดที่ 1,453.09 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 56.49 จุด หรือ 2.16% ปิดที่ 2,556.49 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 2.79 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 3.56 พันล้านหุ้น
เมื่อวานนี้ บีเอ็นพี พาริบาส์ได้ประกาศปิดกองทุน 3 แห่งดังกล่าวเพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการลงทุนในตลาดดังกล่าว นอกจากนี้ บีเอ็นพี พารีบาส์ ยังระงับไม่ให้ลูกค้าซื้อหรือไถ่ถอนการลงทุนในหลายๆ กองทุนซึ่งบีเอ็นพีบริหารอยู่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.2 พันล้านดอลลาร์
"สาเหตุที่ทำให้บีเอ็นพี พาริบาส์ ขอระงับไม่ให้ลูกค้าซื้อหรือไถ่ถอนการลงทุนก็เพราะสภาพคล่องในบางภาคส่วนของตลาดตราสารซีเคียวริไทเซชั่น (ตราสารหนี้จากการนำเอาหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อเคหะมาแปลงสภาพเป็นตราสาร) ในสหรัฐอยู่ในภาวะที่ตึงตัวมาก ทำให้บีเอ็นพี พาริบาส์ไม่อาจกำหนดมูลค่าอย่างเป็นธรรมต่อสินทรัพย์ที่กองทุนเหล่านี้ถืออยู่ ไม่ว่าสินทรัพย์เหล่านี้จะมีคุณภาพหรือมีอันดับความน่าเชื่อถือระดับใดก็ตาม" บีเอ็นพี พาริบาส์กล่าวในแถลงการณ์
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าธนาคารกลางยุโรปได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบธนาคารเป็นวงเงินสูงถึง 1.30 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยคลายความวิตกในตลาด หลังจากบีเอ็นพี พาริบาส์ประกาศห้ามไม่ให้นักลงทุนไถ่ถอนกองทุนมูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ และมีข่าวว่าธนาคารกลางแคนาดาได้อัดฉีดเงินทุนเข้าสู่ระบบการธนาคารมากกว่าที่เคยทำมาแต่ก่อน เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินในแคนาดา
นักวิเคราะห์กล่าวว่า "ข่าวการปิดกองทุนของบีเอ็นพี พาริบาส์ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก และกังวลว่าภาวะย่ำแย่ที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดปล่อยกู้จำนองของสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคด้วย"
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก อาทิ หุ้นซิตี้กรุ๊ปและหุ้นเจพีมอร์แกนที่ดิ่งลงประมาณ 5% ขณะที่หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับตลาดสินเชื่อ อาทิ หุ้นโฮม ดีโปท์ร่วงลง 5.3% ส่วนหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริกร่วงลง 3.8% และหุ้นวอล-มาร์ทดิ่งลง 4.1%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ