นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า กลุ่มสุขุมวิทยา ในฐานะกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ประเดิมใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 3 (JMART-W3) ด้วยราคาใช้สิทธิ 11 บาทต่อหุ้น ทำให้ JMART ได้รับเงินรวมกว่า 160 ล้านบาท เพื่อเสริมสร้างฐานเงินทุนให้กับ JMART ในการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ของ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส ครั้งที่ 2 (JMT-W2) จำนวน 42.1 ล้านหน่วย ที่ราคาใช้สิทธิ 18.62187 บาทต่อหน่วย เพื่อเสริมเงินทุนให้กับ JMT ในการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มตามแผน
การแปลงสภาพวอร์แรนต์รอบที่ผ่านมาทำให้ JMT ได้รับเงินเข้ามากว่า 1,575 ล้านบาทจากผู้ถือหุ้น และรักษาระดับอัตราส่วนของหนี้สินต่อทุนไว้ในระดับที่มั่นคง ขณะที่ผู้ถือหุ้นที่แปลงสภาพ JMT-W2 ในรอบนี้ มีโอกาสได้รับ JMT-W3 ภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติ ซึ่ง JMT จะขออนุมัติผู้ถือหุ้นสำหรับการออกวอร์แรนต์ดังกล่าวในวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 วันที่ 2 พ.ย.63
"JMART เราเป็นบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโตสูง โดยเงินที่เราลงทุนต้องมีรีเทิร์น กลับมามากกว่าต้นทุนของเงินทุนบริษัท เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการลงทุนของบริษัท รวมถึงผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น การแปลงสภาพวอแรนต์ JMT-W2 ของ JMT ในครั้งนี้ เพราะบริษัทมั่นใจ JMT จะเติบโตอย่างไร เนื่องจากเราสร้าง JMT มาตั้งแต่ต้น และนี่คือเหตุผลที่เราเดินหน้าต่อ ไม่มีถอย" นายอดิศักดิ์ กล่าว
สำหรับภาพรวมผลประกอบการของกลุ่ม JMART ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะธุรกิจบริหารหนี้ของ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ที่ยังคงสร้างผลประกอบการได้อย่างโดดเด่น และเป็นฐานกำไรที่สำคัญของกลุ่ม โดยมองทิศทางธุรกิจบริหารหนี้ในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา หลังภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพในระบบปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์โควิด-19 เป็นโอกาสให้ JMT ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร และต่อยอดการลงทุนในธุรกิจที่เป็นโอกาส
"ตั้งแต่เจมาร์ทก่อตั้งมา เราเติบโตทั้งแนวตรงและแนวข้าง ทั้งจากการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยีและมือถือ จากนั้นได้รุกเข้าไปในธุรกิจด้านการเงินนำบริษัทลูกเข้าตลาดฯ และเติบโตจากเครื่องมือในตลาดทุน โดย DNA ของเราคัดเลือกการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต และเสริมแกร่งด้วยพลัง Synergy วันนี้เป็นอีกบทพิสูจน์ แม้ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมากลุ่มเจมาร์ทก็ยังคงความสามารถในการทำกำไร ด้วยกลยุทธ์การลงทุนในบริษัทที่มีแรงเสียดทานต่อสภาพเศรษฐกิจที่ดี หรือมี Resilience ต่อสภาวะเศรษฐกิจ เชื่อมั่นว่าแนวโน้มไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ก็ยังดีต่อเนื่องอีก สนับสนุนผลประกอบการปีนี้เราเชื่อจะเป็นปีที่ดีที่สุด สามารถทำ All Time High ได้" นายอดิศักดิ์ กล่าว