(เพิ่มเติม) DRT เล็งลงทุน 25 ลบ.ซื้อเครื่องจักรทำสีกระเบื้องเพิ่มใน H2/50

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 14, 2007 11:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บมจ.กระเบื้องหลังคาตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนในการซื้อเครื่องจักรที่ใช้ทำสีกระเบื้องซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท จะทำให้มาร์จินดีขึ้นเพราะกระเบื้องทำสีราคาแพงกว่ากระเบื้องธรรมดา โดยคาดว่าจะ run ได้ในปีหน้า โดยเม็ดเงินจะมาจาก cash flow ของบริษัท  
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาในการเพิ่มเครื่องจักรเพื่อเพิ่มไลน์การผลิตซึ่งจะทำกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน แต่การเพิ่มเครื่องจักรไลน์ผลิตคงจะต้องหารือกับคณะกรรมการบริษัทอีกครั้ง
ในครึ่งปีหลังบริษัทยังเตรียมเจาะตลาดต่างประเทศมากขึ้นเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและเป็นการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เจาะตลาดต่างประเทศในแถบเอเชียแล้ว ซึ่งขณะนี้เตรียมที่จะเจาะในประเทศเวียดนามและเกาหลี ซึ่งการไปเจาะตลาดเวียดนามกับเกาหลีจะทำผ่านดีลเลอร์ ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายต่างประเทศ 10% ในประเทศ 90%
"เราได้เพิ่มช่องทางในการขายต่างประเทศมากขึ้นเพื่อเพิ่มยอดขายและยังหันมารุกตลาดระดับบน ทั้งการออกผลิตภัณฑ์ไม้ฝาลายใหม่ และไม้ฝาเจียระไน ซึ่งเจาะลูกค้าระดับบน จึงเชื่อว่าการเติบโตของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจากปีนี้อีก ซึ่งปีนี้เราคาดว่าจะมีรายได้โต 5-10% จากปีก่อน" นายอัศวิน กล่าว
นอกจากนี้ ในเดือนนี้จะมีการเสนอที่ประชุมบอร์ดเพื่อหารือเรื่องการจ่ายปันผลระหว่างกาลเข้าที่ประชุมจากปีก่อนที่จ่ายปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.50 บาท/หุ้น
นายอัศวิน กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกปี 50 มีกำไรสุทธิ 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 169 ล้านบาท บริษัทมีรายได้รวม 1,361 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 1,250 ล้านบาท คิดเป็น 8%
ส่วนผลประกอบการไตรมาสที่ 2/50 มีกำไรสุทธิ 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.7% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 91 ล้านบาท
รายได้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกมาจากการที่บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 111 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.9% เนื่องจากตลาดมีความต้องการกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์มากขึ้น และในส่วนของไม้ฝาตราเพชรจากเดิมที่เป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มแต่หลังจากมีการให้ความรู้ความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น ทำให้สามารถขยายกลุ่มลูกค้าเข้าสู่กลุ่มพรีเมี่ยมทำให้ราคาขายเฉลี่ยสูงกว่างวดเดียวกันปีก่อน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ