โบรกฯมอง TRUE ได้ประโยชน์ไม่จ่าย AC ช่วยลดขาดทุนปีนี้ ยังเก็งกำไรได้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 6, 2007 13:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์ต่างมุมมองให้คำแนะนำ หุ้นบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)คาดผลประกอบการไตรมาส 2/50 ยังขาดทุน ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 854-935.4 ล้านบาท ทั้งปีแม้จะขาดทุนแต่จะลดลงจากปีก่อนมาก สาเหตุหลักมาจากการยกเลิกการจ่ายค่า Access Charge(AC)ปีละ 2-3 พันล้านบาท และได้รับรายได้จากค่า Interconnection Charge(IC)แทนแม้ว่าจะไม่มาก รวมทั้งบริษัทพยายามแก้ไขปัญหาหนี้ต่อไป โดยเตรียมแผนรีไฟแนนซ์ต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อกระแสเงินสด
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
บล.โกลเบล็ก ขาย 7.00
บล.ไซรัส ขาย 8.00
บล.เอเซียพลัส ซื้อ 7.94
บล.ฟินันซ่า ซื้อ 9.80
บล.ทรินิตี้ ซื้อ 11.50
บล.เกียรตินาคิน ถือ 8.40
บล.ดีบีเอสฯ ถือ 8.70
น.ส.จิตรา อมรธรรม นักวิเคราะห์ บล.ไซรัส คาดว่า ในไตรมาส 2/50 TRUE จะขาดทุนจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 171.7 ล้านบาท เป็น 935.4 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ไม่นับรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่คาดว่าจะมีจำนวน 608 ล้านบาท
ด้านรายได้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.3% จากไตรมาสก่อน ซึ่งหลักๆ มาจากรายได้ของ True Move ทั้งที่เป็นรายได้ค่า IC ที่ได้จาก DTAC และรายได้ค่าบริการจริง เกิดจากฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากอานิสงส์ของโปรโมชั่นต่างๆ และ Academy Fantasia ที่เข้ามาในเดือนมิ.ย.แต่หากบันทึกค่า IC กับ ADVANC คาดว่าจะมีผลขาดทุนเพราะ Traffic ของ True Move จะเป็น net going มากกว่า
"รายได้ครึ่งหนึ่งจะมาจากมือถือ ปีนี้รายได้ไม่ค่อยโตมากนักเพราะยังแข่งขันรุนแรง ยังมีโปรโมชั่นถูกอยู่ แต่ขาดทุนปีนี้ก็จะลดลงไปมากเหลือประมาณ 2 พันล้านบาทจากปีก่อน 4 พันกว่าล้านบาท หลัก ๆ มาจากการที่ไม่ต้องจ่ายค่า AC"น.ส.จิตรา กล่าว
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี TRUE ไม่จ่ายค่า AC ให้บมจ.ทีโอทีที่ปกติจะจ่ายปีละ 2-3 พันล้านบาท โดยหันมาจ่ายค่า IC แทน ซึ่งขณะนี้มีรายได้ IC จาก DTAC ไม่มาก โดยไตรมาสแรกมีประมาณ 40 ล้านบาท ไม่ถือว่ามีนัยอะไรมากนัก
ในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการ Refinance ช่วยเรื่องสภาพคล่อง แต่ไม่ช่วยลดดอกเบี้ย ล่าสุดบริษัทได้รับเงินจากการขายหุ้นกู้ในต่างประเทศจำนวน US$225 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 7.5 พันล้านบาท เงินจำนวนนี้จะนำไปชำระคืนเงินที่กู้มาจากสถาบันการเงินไทยทั้งหมด และบริษัทยังมีการ Refinance หนี้ต่อไป หนี้ก้อนที่คาดว่าจะ Refinance ครั้งต่อไปจะเป็นหนี้เงินกู้ของธุรกิจ Wireline ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะต้องชำระคืนก้อนใหญ่ในปี 2551 — 2552 จำนวน 5.2 และ 6.4 พันล้านบาทตามลำดับ
"TRUE ยังขาดทุนอีกหลายปี คือเหมาะเป็นหุ้นเก็งกำไรมากกว่า ถ้าตลาดดีตัวนี้ก็จะไปได้ดี เพราะคนมองว่าอย่างน้อยก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ขาดทุนแต่ก็ขาดทุนลดลงเยอะ แต่พอตลาดไม่ดี คนก็จะมองว่ายังขาดทุนอยู่ คือตลาดดีก็ขึ้นแรงตลาดไม่ดีก็ลงแรง"น.ส.จิตรากล่าว
บล.เอเซียพลัส คาดว่า TRUE จะขาดทุนในไตรมาส 2/50 จำนวน 278 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 602 ล้านบาท) แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว จะขาดทุนปกติ (Norm loss) 854 ล้านบาท ตกต่ำลงเมื่อเทียบกับงวด 1Q50 ที่ขาดทุนปกติ 713 ล้านบาท
เนื่องจากคาดรายได้จากการขายและบริการ(ไม่รวมค่า IC)ทรงตัวที่ 1.3 หมื่นล้านบาท แม้รายได้เฉลี่ย/เลขหมาย/เดือน(ARPU)ของ True move ยังลดลง แต่ชดเชยได้ด้วยลูกค้าใหม่สุทธิราว 8.5 แสนราย ซึ่งสูงกว่างวด 1Q50 ที่มี 6 แสนราย
ประกอบกับไตรมาส 2/50 เป็นงวดแรกที่ต้องจ่ายค่า IC เต็มงวด โดยในงวดนี้ได้บันทึกค่า IC จ่ายกับทั้ง ADVANC และ DTAC แล้ว(เดิมในงวด 1Q50 บันทึกค่า IC กับเฉพาะ DTAC เท่านั้น)แต่คาดว่าจะยังมีสถานะเป็นผู้รับสายสุทธิ เนื่องจากลูกค้าของ DTAC ที่ยังอยู่ภายใต้แผนการตลาดราคาต่ำ ซึ่งกระตุ้นการโทร.ออก มีการโทร.เข้ามาในเครือข่ายของ True Move มากกว่าปกติ และต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
บล.เกียรตินาคิน ก็คาดว่าในไตรมาส 2/50 TRUE จะขาดทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน(QoQ) จากต้นทุนดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น หลังเริ่มบันทึก IC กับ ADVANC และค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับปีก่อนในไตรมาสเดียวกัน(YoY)ผลบวกจากการบันทึก IC แทน AC ทำให้ผลขาดทุนจากการดำเนินงานมีแนวโน้มลดลง
แม้ True Move จะมีแนวโน้มรายงานกำไรจากการเปลี่ยนมาจ่ายค่า IC ในไตรมาส 2/50 แต่เห็นว่ายังต้องรอดูภาพการใช้ IC ที่จะชัดเจนขึ้นในไตรมาส 3/50 ประกอบกับ TRUE ยังมีความเสี่ยงจากนโยบายบัญชีที่มีความระมัดระวังน้อยกว่า DTAC เนื่องจากไม่มีการบันทึก IC(Transit)กับ TOT หลังเปลี่ยนมาจ่าย IC ขณะที่ข้อพิพาทกับ TOT ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ถือว่ายังมีความเสี่ยง
บล.ทรินิตี้ คาดว่า TRUE จะยังคงขาดทุนจากการดำเนินงานในปีนี้ที่ 2,990 ล้านบาท แต่พัฒนาการเรื่องต้นทุนที่ดีขึ้นของธุรกิจโทรศัพท์มือถือจะทำให้กระแสเงินสดอิสระปรับตัวดีขึ้น โดยคาดผลตอบแทนกระแสเงินสดอิสระ(FCF yield)ที่เริ่มกลับเป็นบวกอีกครั้งในปี 2551 ที่ 15.8% จากปีนี้ที่ติดลบ -1%
และการปรับโครงสร้างและขยายเวลาการใช้คืนหนี้เงินกู้แม้จะมีต้นทุนสูงขึ้นกว่าเดิมมาก(จากประมาณ 7.7% เป็น 9-10%) ช่วยให้บริษัทไม่เผชิญภาวะที่ตึงตัวทางการเงินเกินไป ในขณะที่กลยุทธ์ convergence เริ่มเห็นผล
ปิดเที่ยง หุ้น TRUE ปิดที่ 8.00 บาท ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น TRUE ผันผวนมากโดยเมื่อ 10 ก.ค.ราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 9.75 บาท สูงสุดในรอบ 10 เดือน และในวันที่ 2 ส.ค.ราคาได้ปรับลงต่ำสุดที่ 7.70 บาท เป็นราคาต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ