นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในเดือน ก.ย.63 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปรับลดลงเล็กน้อย เมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมเทียบกับสิ้นปี พบว่า กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ปรับตัวดีกว่า SET Index นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หมวดธุรกิจการเกษตร และหมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก (Non-SET100 และ mai)
ในส่วนของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมใน SET และ mai ในเดือน ก.ย.63 อยู่ที่ 47,896 ล้านบาท ทำให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมอยู่ที่ 64,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เดือน ก.ย.63 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยคิดเป็น 43.51% ของมูลค่าการซื้อขายรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี ในขณะที่ผู้ลงทุนต่างประเทศยังมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยใน 9 เดือนแรกของปี 63 ขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทยกว่า 2.76 แสนล้านบาท โดยผู้ลงทุนกลุ่มอื่นเป็นผู้ซื้อสุทธิ
และยังมีกิจกรรม IPO อย่างต่อเนื่อง โดยมีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 1 บริษัท ได้แก่ บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) ทำให้ใน 9 เดือนแรกของปี 63 รวมแล้วมีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN
"ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 SET Index ปิดที่ 1,237.04 จุด ลดลง 5.6% จากเดือนก่อน โดยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นผู้ลงทุน ได้แก่ ความล่าช้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวช้ากว่าคาด รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ"นายศรพล กล่าว
ตลท.สรุปรายงานภาพรวมในเดือน ก.ย.ดังนี้
- ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ณ สิ้นเดือน ก.ย.63 SET Index ปิดที่ 1,237.04 จุด ลดลง 5.6% จากเดือนก่อน และปรับลดลง 21.7% จากสิ้นปีก่อน แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า MSCI ASEAN ที่ลดลง 24.7% จากสิ้นปีก่อนหน้า
- เมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมเทียบกับสิ้นปี พบว่า กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ปรับตัวดีกว่า SET Index นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หมวดธุรกิจการเกษตร และหมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก (Non-SET100 และ mai)
- มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมใน SET และ mai ในเดือน ก.ย.63 อยู่ที่ 47,896 ล้านบาท ทำให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมอยู่ที่ 64,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยคิดเป็น 43.51% ของมูลค่าการซื้อขายรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี
- Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือน ก.ย.63 อยู่ที่ระดับ 21.4 เท่า และ 20.7 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 16.7 เท่า และ 18.1 เท่าตามลำดับ
- อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 อยู่ที่ระดับ 3.56% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.83%
ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
- ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 432,512 สัญญา เพิ่มขึ้น 16.9% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจาก SET50 Index Futures และ Single Stock Future และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 466,117 สัญญา เพิ่มขึ้น 10.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่เพิ่มขึ้นจาก SET50 Index Futures และ Gold Online Futures