นายนิมิตร วงศ์จริยกุล ผู้บังคับบัญชาสายงานบริหาร ด้านวาณิชธนกิจ บล.พัฒนสิน ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น บริษัทไทย เอ็น ดี ที เปิดเผยว่า เชื่อว่าจะสามารถนำบริษัทไทย เอ็น ดี ที เข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็ม เอ ไอ ในเดือน ก.ย. หลังจากกำหนด Book Build แล้วเสร็จ โดยจะเสนอขายหุ้นจำนวน 20 ล้านหุ้น
ด้านนางชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทย เอ็น ดี ที คาดว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)จะอนุญาตให้บริษัทเข้าจดทะเบียนในในตลาด เอ็ม เอ ไอ ภายในไตรมาส 3/50
นางชมเดือน กล่าวว่า ขณะนี้มีกองทุนให้ความสนใจในการเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทจำนวนมาก จากปัจจุบันที่มี บลจ.วรรณถือหุ้นอยู่ 12.5% แต่หลังกระจายหุ้นจะลดสัดส่วนลงเหลือ 10% และบลจ.วรรณ จะได้ราคาต้นทุนที่ 2.40 บาท จากราคาพาร์ 1 บาท ดังนั้น มองว่าราคาหุ้น IPO ที่จะขายคงสูงกว่า 2.40 บาทแน่นอน
"มั่นใจว่าหุ้นจะเป็นที่สนใจของนักลงทุน และปัจจุบันยังมีคนที่ไม่เข้าใจธุรกิจของเราแต่การที่เราจะเดินทางไปพบนักลงทุนเพื่อแนะนำให้นักลงทุนรู้จักทั้งในกทม.และต่างจังหวัด อีกทั้งการที่เราเป็นธุรกิจที่โตไปกับพลังงานน่าจะได้รับความสนใจและเชื่อว่าจำนวนความต้องการน่าจะมากกว่าที่เสนอขายหุ้น" นางชมเดือน กล่าว
ด้านนายนิมิตร กล่าวว่า สำหรับสัดส่วนการกระจายหุ้นจำนวน 20 ล้านหุ้น แบ่งเป็นสถาบัน 20% และนักลงทุนรายย่อย 80% งานด้านนี้มีมูลค่าธุรกิจพลังงานในประเทศไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้จำเป็นต้องตรวจสอบ 5% มาร์เก็ตแชร์ก็อยู่ในนี้ ถ้าได้งานตรงนี้สามารถแย่งมาร์เก็ตแชร์ให้สูงขึ้นได้ ซึ่งการที่มีต้นทุนค่าแรงที่ถูกกว่าผู้ตรวจสอบต่างประเทศจะทำให้เราได้เปรียบและสามารถตรวจสอบงานต่างประเทศได้มากขึ้น
*คาดรายได้โต 40-50% หลังเข้าตลาด mai จากปีนี้โต 30%
นางชมเดือน กล่าวว่า บริษัทมีแผนนำเม็ดเงินที่ได้จากขาย IPO ไปซื้ออุปกรณ์ในการตรวจสอบและเทคโนโลยีเพิ่ม เพื่อรองรับงานในประเทศและต่างประเทศในอนาคต รวมทั้งนำไปใช้ขยายสาขาในต่างจังหวัด
ทั้งนี้ บริษัทดำเนินธุรกิจในการให้บริการการทดสอบและตรวจสอบความปลอดภัยด้านอุตสาหกรรมด้วยเทคนิค NDT ในการหาจุดบกพร่องรอยแยก รอยรั่ว ที่เกิดขึ้นในท่อลำเลียงน้ำมัน ก๊าซ สารเคมี ซึ่งลูกค้าหลักคือ ผู้รับเหมาก่อสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมัน
ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 30% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 150 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับดังกล่าวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตามการขยายตัวของภาพรวมอุตสาหกรรมพลังงานและปิฌตรเคมี เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจดังกล่าวต่างให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย
นางชมเดือน คาดว่า หลังจากเข้าตลาด mai ในไตรมาส 3/50 แล้วเชื่อว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 40-50% เนื่องจากมีเม็ดเงินเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถแย่งมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นจากบริษัทตรวจสอบต่างประเทศ รวมทั้งสามารถรับงานต่างประเทศประเภทธุรกิจขุดเจาะแท่นน้ำมันและเหมืองแร่
นอกจากนั้น ยังคาดว่าหลังจาก 3 ข้างหน้ารายได้ของบริษัทจะเติบโตขึ้นไปอีก 500-1,000 ล้านบาทได้ ซึ่งธุรกิจจะเติบโตตามธุรกิจพลังงาน
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--