(เพิ่มเติม) BEC มั่นใจปี 50 มีกำไรพุ่งเกินเป้า 2 พันลบ.จากเม็ดเงินโฆษณาโตได้ดี

          นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) เชื่อว่า ในปีนี้บริษัทจะมีกำไรสุทธิเกินกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับในปี 2546 -2547 ที่มีกำไรในระดับ 1.9-2.0 พันล้านบาท 
          ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 50 บริษัทสามารถทำกำไรไปแล้ว 1 พันล้านบาท และเชื่อว่าครึ่งปีหลังก็จะเติบโตได้ดีตามการเติบโตของเม็ดเงินโฆษณา เนื่องจากดีมานด์เริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังที่ชะลอไปในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมกันนั้นบริษัทยังมีแผนส่งรายการวาไรตี้มาออกอากาศในช่วงเวลาไพร์มไทม์แทนรายการละครในช่วงเดือนก.ย.นี้ เพื่อต้องการดึงเรทติ้งไว้ หลังจากที่ต้องปรับตัวรับการจัด
          นายฉัตรชัย กล่าวว่า บริษัทจะออกรายการวาไรตี้"ถ้าแน่จริงอย่าให้แพ้เด็กป.4 "วันจันทร์-ศุกร์ ช่วงเวลา 19.00 น. แทนละคร เพื่อต้องการสร้างเรตติ้งในกลุ่มรายการเด็ก ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์การออกอากาศรายการโทรทัศน์ในช่วงเวลา 16.00-20.00 น.ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ก.ย. 50 
          อีกทั้งยังเป็นผลพลอยได้ในการลดต้นทุนการผลิตลงได้ครึ่งหนึ่งจากปกติ เพราะหากเป็นรายการละครจะมีต้นทุนอยู่ที่ชั่วโมงละ 1 ล้านบาท           
          นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมาเม็ดเงินโฆษณาปรับเพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.และเชื่อว่าในเดือน ส.ค.และ ก.ย. เม็ดเงินโฆษณายังมีเข้ามาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าได้รับผลดีจากการที่การเมืองมีความชัดเจน จึงส่งผลให้มีเม็ดเงินโฆษณากลับเข้ามา เพราะโดยปกติส่วนใหญ่ในไตรมาส 3 จะเป็นช่วง low season 
          และจากเม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้นนั้น เชื่อว่า รายได้จากโฆษณาในปีนี้จะอยู่ที่ 7-8 พันกว่าล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้โฆษณาอยู่ที่ 6 พันกว่าล้านบาท โดยมาจากการปรับผังรายการและการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจนั้นเป็นส่วนเสริมทำให้ความเชื่อมั่นกลับมา 
          นอกจากนั้น บริษัทมีแผนจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม หลังจากที่ร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)โดยคาดว่าจะสามารถยื่นได้ในครึ่งหลังปี 51 โดยจะให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกเพื่อเก็บค่าธรรมเนียมเป็นรายเดือน เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค่าต่างจังหวัดมากขึ้น จากปัจจุบันที่ช่อง 3 ถือว่ายังไม่สามารถครอบคลุมได้ทั่วไประเทศ