นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในทางปรับฐาน จากความกังวลการชุมนุมทางการเมืองที่มีหลายฝ่ายออกมาประท้วง และเมื่อวานนี้ก็มีการจับแกนนำไปทำให้หวั่นจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องรอดูความเคลื่อนไหวการเมืองไปก่อน
แต่ตลาดบ้านเราก็อาจจะได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบได้ขยับขึ้น 2% จากที่จีนมีการนำเข้าน้ำมันมากทำให้ไปหนุนราคาน้ำมัน อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/63 ของกลุ่มแบงก์เริ่มที่ TISCO ก่อน
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนลบเล็กน้อย เช่นเดียวกับตลาดในยุโรป และตลาดในสหรัฐฯ จากความผิดหวังเรื่องวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังจากที่บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ประกาศระงับการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังพบว่าผู้เข้าร่วมโครงการทดลองรายหนึ่งล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งต่างก็รอดูการเลือกตั้งในสหรัฐด้วย อีกทั้งยังมีความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ด้วย หลังหลายประเทศเริ่มกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้งแล้ว
นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะ -4.4% ดีกว่าเดือนมิ.ย.ที่คาดว่าจะ -4.9% และปีหน้าจะพลิกกลับมา +5.2% จากเดือนมิ.ย.ที่คาด +5.4% ส่วนเศรษฐกิจไทยจะหดตัวลง 7.1% ในปีนี้ ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ว่าจะหดตัวลง 7.7% และปีหน้าก็คาวด่าจะเติบโต 4% แสดงให้เห็นว่ามีการมองเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีขึ้น
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,260-1,277 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,679.81 จุด ลดลง 157.71 จุด (-0.55%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,511.93 จุด ลดลง 22.29 จุด (-0.63%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,863.90 จุด ลดลง 12.36 จุด (-0.10%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 56.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 159.17 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 20.04 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.21 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.63 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ต.ค.63) 1,273.43 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด (+0.50%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 777.40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ต.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ต.ค.63) ปิดที่ 40.20 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ หรือ 2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ต.ค.) อยู่ที่ 1.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.23/29 แนวโน้มอ่อนค่าจากกังวลวัคซีนโควิดล่าช้า-รอดูการเมืองในประเทศ
- การบินไทย เร่งทำแผนฟื้นฟูกิจการ คาด 5 ปี ธุรกิจนอนแอโรว์ (Non-aero) ครัวการบิน-ช่างฝ่าย-คาร์โก้ รายได้แตะ 50% ฝ่ายช่าง "ครัวการบิน" เปิดกลยุทธ์ยุคเซฟการลงทุนลดความเสี่ยง ขยายแฟรนไชส์ปีหน้าครบ 700 สาขา เพิ่ม "พัฟแอนด์พาย" พร้อมส่งแบรนด์ใหม่ "ปาท่องโก๋" เจาะทุกเซ็กเมนต์ มั่นใจดันรายได้เท่าตัวแตะ 2 หมื่นล้านใน 5 ปี
- ททท.เตรียมชง ศบศ.ดันอีลิทการ์ด ดึงเม็ดเงินต่างชาติ ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท ผ่านโครงการ"อีลิท เฟล็กซิเบิล โปรแกรม" หนุนดีเวลลอปเปอร์ขายอสังหาฯให้ต่างชาติพ่วงบัตรอีลิทการ์ด กระตุ้นกำลังซื้อ อสังหาฯ พยุงธุรกิจช่วงโควิด
- ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ ขยายแคมเปญดอกเบี้ยพิเศษถึงท้ายปี หลังแบ่งเบาภาระลูกหนี้ เปิดทางเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำได้มากขึ้น "เงินติดล้อ" ยืดแคมเปญดอกเบี้ย 0.88% ต่อเดือนถึงสิ้นพ.ย.นี้ ด้าน "ทิสโก้ ออโต้แคช" ต่ออายุแคมเปญ "60 วันพักก่อน ผ่อนทีหลัง" ยาวถึงสิ้นปี 63 ด้าน "เอ็มทีซี" เผยลูกหนี้ส่วนใหญ่ เริ่มกลับมาชำระหนี้ ตามปกติ
- คลัง จ่อถก 3 กรมภาษีขยับเป้าหมายการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2564 หลังโควิด-19 ระบาดกระทบเศรษฐกิจสะดุด ด้าน "สรรพสามิต" ยันไม่เหมาะขึ้น-รีดภาษีใหม่ ชี้จะกระทบผู้ประกอบการและประชาชน พร้อมเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บ
- ธปท.จ่อขยายเวลาพักหนี้, รายงานการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำและสถานการณ์โควิด-19 ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าล่าสุด ณ วันที่ 31 ส.ค. มีบัญชีผู้ที่รับความช่วยเหลือและจำนวนวงเงินสินเชื่อที่ได้รับการช่วยเหลือเริ่มลดลงจากสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยรวมที่ได้รับความช่วยเหลือทั้งสิ้น 12.1 ล้านบัญชี ลดลงจากเดือนก่อนที่มี 12.5 ล้านบัญชี หรือลดลง 400,000 บัญชี
*หุ้นเด่นวันนี้
- SO (บมจ.สยามราชธานี) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดบริการเฉพาะกิจ โดยมีราคาขาย IPO ที่ 6.50 บาท/หุ้น โดยบริษัทฯประกอบธุรกิจใน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร (Outsourcing Services) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ (1) ธุรกิจบริการบริหารจัดการ ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการจัดหาพนักงานขับรถยนต์ พนักงานสำนักงานพนักงานช่างเทคนิค และบริการงานบันทึกข้อมูล (2) ธุรกิจบริการดูแลภูมิทัศน์ และ 2. ธุรกิจให้เช่าและบริการ เป็นการให้บริการรถยนต์ให้เช่าและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
- TU (ดีบีเอส วิคเคอร์ส) เป้า 18.90 บาท พัฒนาการต่อเนื่อง ร่วมมือกับคอร์เบียน ผู้นำส่วนผสมในอาหารสัตว์ที่ผลิตจากสาหร่ายในตลาดโลก ในการต่อยอดพัฒนาอาหารกุ้งของไทยยูเนี่ยนด้วย สาหร่าย อัลจาไพรม์ ดีเอชเอ ที่มีโอเมก้า 3 สร้างยอดขายในอนาคตเพิ่ม ส่วนแนวโน้มกำไรหลัก Q3/63 จะออกมาแข็งแกร่งมาก เป็น 1.81 พันล้านบาท (+31.3% y-o-y, +4.7% q-o-q) เพราะอุปสงค์ในกลุ่มสินค้าอาหารทะเลแปรรูปคือ ทูน่ามีอยู่สูงในช่วงล็อกดาวน์รอบ 2
- STA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 34 บาท คาดกำไรปกติ Q3/63 ทำได้ 1.5-1.6 พันล้านบาท โตสูงราว 37% Q-Q และ 1,010% Y-Y จากธุรกิจถุงมือยางเป็นหลัก ส่วนธุรกิจยางธรรมชาติอาจขาดทุนเล็กน้อยเพราะต้นทุนปรับขึ้นแต่ปรับราคาขายขึ้นไม่ทัน (ล็อกราคาไปแล้วใน Q2/63) ส่วนราคายางโลกยังคงปรับขึ้นตาม Demand ในอุตสาหกรรมยางล้อของจีนที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มดีต่อเพราะการผลิตในสหรัฐและยุโรปถูกกระทบหนักจากโควิด-19 จนทำให้เกิด supply shortage