นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำมันพืชไทย(TVO)คาดว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้จะเติบโต 7% สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 15,317 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 7,778 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากน้ำมันพืชและผลผลิตกากถั่วเหลืองจากกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 7% เช่นกัน ประกอบกับ ราคากากถั่วเหลืองปรับสูงขึ้น 3-4% และราคาน้ำมันถั่วเหลืองปรับสูงขึ้น 15% ตามแนวโน้มของตลาดโลก
ปัจจุบันบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 80% หรือปริมาณ 9.6 แสนตันในปีนี้ สูงขึ้นกว่าปีก่อนที่ผลิตในระดับ 8.8 แสนตัน เนื่องจากความต้องการและได้ราคาส่วนต่าง(สเปรด)สูงขึ้น ซึ่งบริษัทมีแผนจะเพิ่มอัตราการผลิตให้เป็น 90% ในปี 51 พร้อมทั้งเตรียมขยายโรงงานเพื่อรองรับการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาค่าใช้จ่ายหากจะต้องมีการตั้งโรงงานใหม่
สำหรับราคาวัตถุดิบถั่วเหลืองได้ปรับขึ้นเฉลี่ย 25% ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วถึงปัจจุบัน และตอนนี้ก็ยังทรงตัวระดับสูง แต่การแข็งค่าของเงินบาททำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการนำเข้าถั่วเหลืองส่งผลให้กำไรดีขึ้น แม้ว่าในแง่รายได้จากการส่งออกสินค้าปรับลดลง แต่หากเงินบาทยังแข็งค่ามากกว่า 34.50 บาท/ดอลลาร์ บริษัทก็จะลดสัดส่วนการส่งออกเหลือ 1% จากที่ได้ทยอยลดลงมาที่ 2% แล้วในปีนี้ เทียบกับปี 49 ที่เคยอยู่ในระดับ 6%
และหากเงินบาทแข็งค่าไปมากกว่านี้ก็อาจจะพิจารณาหยุดส่งออกไปก่อน และอาจจะทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งสาเหตุที่หยุดส่งออก เพราะไม่สามารถขยายตลาดได้และการหาลูกค้าก็จะลำบากมากขึ้น โดยปัจจุบันส่งออกไปมาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์
นายเศรษฐสรร กล่าวว่า แนวทางการสนับสนุนการใช้น้ำมันไบโอดีเซลที่ผลิตจากปาล์ม ทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองปรับสูงขึ้นตาม และมีความเป็นไปได้ที่ราคาถั่วเหลืองจะสูงขึ้นตาม ซึ่งบริษัทจะต้องสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
ส่วนโรงงานที่จีนก็ยังเติบโตได้ดีและเชื่อว่ารายได้จะปรับเพิ่มสูงขึ้น
นายเศรษฐสรร คาดว่าในเดือนก.ย.บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งในปีก่อนได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.25 บาทต่อหุ้น และปันผลทั้งปีในอัตรา 0.70 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทมีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ ซึ่งเชื่อว่าปีนี้กำไรสุทธิก็น่าจะดีโดยมองว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ที่ 6% สูงกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 3% และขณะนี้อัตราอยู่ที่ 5% แล้วจากการที่มีการบริหารจัดที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการกำหนดราคาวัตถุดิบที่ดี และใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงถูกกว่ารายอื่นที่ใช้น้ำมัน
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--