นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้หลังจากสิ้นสุดระยะเวลามาตรการพักชำระหนี้ในสิ้นเดือน ต.ค.63 นี้ โดยคาดว่าจะยืดระยะเวลาให้กับลูกหนี้ที่ยังไม่มีความสามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ อาจจะเป็นระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี แล้วแต่ความจำเป็นของลูกหนี้แต่ละรายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แตกต่างกันไป
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามลูกหนี้ของธนาคารที่เข้ามาตรการพักชำระหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีและรายย่อย คาดว่าไม่ต่ำกว่า 50% น่าจะกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ
ขณะที่นายเดชา ยืนยันว่า แม้ธนาคารจะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหา แต่สถานะของธนาคารยังมีความแข็งแกร่ง โดยเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะกลับมาอยู่ในระดับ 18% ในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยูที่ราว 17% หลังจากธนาคารได้ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่เป็นตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ภายใต้ Global Medium Term Note Program มูลค่าเงินต้น 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันในต่างประเทศทั้งจำนวนเมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เงินกองทุนที่แข็งแกร่งขึ้นจะเพียงพอจะรองรับปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ไปจนถึงอีก 2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อบางภาคธุรกิจยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติ ทั้งท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ รวมทั้งสามารถรองรับการขยายธุรกิจของธนาคารในอนาคตด้วย
นายเดชา ยังเปิดเผยว่า ธนาคารยังไม่มีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีกในระยะนี้ และยังไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่อีกหลังจากเข้าซื้อกิจการ พีที เพอร์มาตา ทีบีเค (เพอร์มาตา) ในอินโดนีเซีย