นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน จากปัจจัยการเมืองเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่ายังไม่จบแต่ก็ต้องจับตาดูว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป ขณะที่ยังต้องติดตามการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/63 ของกลุ่มแบงก์ที่จะทยอยออกมา โดยเฉพาะต้องติดตามดูหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ติดลบเล็กน้อย
พร้อมให้แนวรับ 1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,275 จุด
ขณะที่นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบราว 0.1-0.8% เผชิญแรงกดดันจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีความไม่แน่นอน หลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ยอมรับว่า การบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. ถือเป็นเรื่องที่ยาก
นอกจากนี้ตลาดบ้านเราก็ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมือง หลังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร มีผลตั้งแต่เวลา 04.00 น.วันนี้ (15 ต.ค.) เป็นต้นไป ปัจจัยนี้อาจทำให้เงินทุนต่างชาติไหลออกได้
พร้อมให้แนวรับ 1,260-1,254 จุด ส่วนแนวต้าน 1,270-1,276 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,514.00 จุด ลดลง 165.81 จุด (-0.58%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,488.67 จุด ลดลง 23.26 จุด (-0.66%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,768.73 จุด ลดลง 95.17 จุด (-0.80%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 78.28 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 133.34 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 27.02 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 12.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ต.ค.63) 1,263.99 จุด ลดลง 9.44 จุด (-0.74%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,664.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ต.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ต.ค.63) ปิดที่ 41.04 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 2.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ต.ค.) อยู่ที่ 1.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.15/17 ทรงตัวจากวานนี้ แนวโน้มแกว่งแคบในกรอบ 31.10-31.20
- แบงก์ชาติเตรียมตั้ง "เอเอ็มซี" รูปแบบ "แวร์เฮาส์ซิง" ที่ดูแลทั้งหนี้ดีและหนี้เสีย หลังสิ้นสุดพักชำระหนี้ของสถาบันการเงิน ต.ค.นี้ คาดลูกหนี้กว่า 40% ต้องช่วยต่อ พร้อมปรับเกณฑ์ซอฟท์โลน เอื้อธุรกิจเพิ่ม สศช.เร่งสรุปมาตรการแก้หนี้ เสนอ ศบศ.
- อนามัยโลกร่วมกับสาธารณสุข ถอดบทเรียนโควิด-19 ในไทย หลังพบ 9 เดือนรับมือการแพร่ระบาดประสบความสำเร็จ ชู 6 จุดเด่น 6 ข้อเสนอปรับใช้กับทั่วโลก หวังรับมือการระบาดระลอกต่อไป "อนุทิน" ลั่นถึงเวลา ไทยรุกกลับโควิด ยันอีก 1-2 สัปดาห์ เคาะลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน
- ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย คาดยอดขายธุรกิจไทยปี 63 ส่อหดตัว 9% หวั่นกดดันการชำระหนี้-ความเสี่ยง ภาคธุรกิจ คาดกิจการที่มีกำไรไม่เพียงพอ จ่ายดอกเบี้ยขยับขึ้นเป็นระดับ 30% พร้อมจับตาธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร หวั่นยอดธุรกิจซมไข้นานพุ่ง
- ธปท.เตรียมผ่อนคลายเงินทุนเคลื่อนย้ายหนุนเงินทุนไหลออก จ่อคลายเกณฑ์ลงทุนต่างประเทศให้รายย่อยลงทุนเสรี หวังลดแรงกดดันค่าเงินบาท
- นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส) เปิดเผยในฐานะผู้ฟ้องคดีต่อคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) คดีพิพาทเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า ศาลปกครองกลางได้นัดไต่สวนครั้งแรก ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เดินทางมาให้ข้อมูล ขณะที่นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. ระบุว่าขั้นตอนหลังจากการไต่สวนของศาลปกครองกลางที่ได้รับฟังข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย น่าจะมีคำสั่งไม่เกินสัปดาห์หน้า
- นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยหลังมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงการคลัง ว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เร่งหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศเพิ่มเติมอีกในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อให้มีการใช้จ่ายขึ้นจากมาตรการที่มีในปัจจุบัน รวมถึงให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนด้วย ขณะเดียวกันให้เร่งหามาตรการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะการดึงกลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อการลงทุนเข้ามาในประเทศ
*หุ้นเด่นวันนี้
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 35 บาท คาดงบ Q3/63 ฟื้นตัว qoq และ yoy เนื่องจากไตรมาสนี้ไม่มี stock loss จำนวนมากเหมือน Q2/63 ระยะกลางได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นผู้ใช้ปิโตรเคมีรายใหญ่ของโลก
- KCE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"ราคาหุ้นวานนี้บวกสวนตลาด ผู้บริหารระบุว่าคำสั่งซื้อใน Q3/63 ฟื้นกลับมาได้ราว 85% ของก่อนโควิด-19 มาจากสินค้าเดิมและสินค้าใหม่กลุ่ม HDI การฟื้นตัวจะต่อเนื่องถึงปีหน้าเพราะคู่แข่งในจีนถูกกระทบจาก Trade war และโควิด-19 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2564 โตดี 15-20% ส่วนกำไร Q3/63 คาดฟื้นเป็น 218 ล้านบาท +230% Q-Q, -15% Y-Y และ Q4/63 จะเร่งขึ้นอีก มีแนวโน้มปรับประมาณการและเป้าที่ 34 บาท