(เพิ่มเติม) ตลท.ลุ้นธปท.ให้คำตอบยกเว้นกองทุน ETF ไม่ต้องสำรองตามมาตรการ 30%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 28, 2007 15:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะให้คำตอบกับตลท.ก่อนวันที่ 6 ก.ย.50 ว่าจะยกเว้นมาตรการสำรอง 30% สำหรับเงินที่จะเข้ามาลงทุนในหน่วยลงทุนของ ETF หรือไม่ เนื่องจากเป็นกำหนดที่กองทุน ETF จะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่นักลงทุนหลายรายโดยเฉพาะต่างชาติที่แสดงความสนใจเข้ามา เนื่องจากการลงทุนของกองทุนดังกล่าวมีลักษณะคล้ายตะกร้าหุ้น
นางภัทรียา กล่าวยอมรับว่า มาตรการสำรอง 30% เงินทุนนำเข้าระยะสั้นส่งผลกระทบกับการขายหน่วยลงทุนกองทุน ThaiDEX SET50 ETF ที่เปิดขายในช่วง 24-28 ส.ค.นี้ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนจากธปท.ว่าจะยกเว้นมาตรการดังกล่าวหรือไม่
"ธปท.อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะยกเว้นมาตรการ 30% สำหรับการลงทุนใน ETF เหมือนกับที่ยกเว้นในกับการลงทุนในหุ้นหรือไม่ เพราะธปท.มองว่า กองทุน ETF เป็นกองทุน หากยกเว้นไม่กันสำรอง อาจจะทำให้กองทุนรวมอื่นมาขอยกเว้นด้วย แต่ ETF จะไม่เหมือนกองทุนรวม เพราะเป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นเรียลไทม์ เหมือนหุ้น ไม่ต้องลงบันทึกมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ณ สิ้นวันเหมือนกองทุนรวม" นางภัทรียา กล่าว
นางภัทรียา กล่าวต่อว่า ในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะทราบจำนวนการเปิดจองซื้อทั้งหมด ซึ่ง ETF เป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ผสมผสานจุดเด่นทั้งของหุ้นและกองทุนรวม โดยจะอ้างอิงกับดัชนี SET50 และลงทุนในลักษณะตะกร้าหุ้น ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยได้สะดวกเหมือนการซื้อขายหุ้น
"เราจะปิดจอง ETF วันที่ 28 สิงหาคม และจะให้เวลาพันธมิตรแสดงความจำนงเข้ามาอีก 2 วัน จึงจะรู้ว่ายอดจองซื้อ ETF กองแรกของไทยได้เท่าไหร่ ขณะเดียวกันเราเองก็พยายามชี้แจงกับธปท.ว่า ETF ไม่ใช่กองทุนรวม แต่เรียกว่ากองทุน เพราะเป็นตระกร้าหุ้น 50 ตัว ซึ่งจะนักลงทุนเองกำลังรอที่จะให้มีการซื้อขาย เพราะจะง่ายต่อการลงทุน ไม่ต้องไปซื้อหุ้นถึง 50 ตัว และผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่ติดขัดกฎเกดณฑ์เรื่องการรายงานการซื้อขายหุ้นหรือมีเพดานจำกัดเรื่องซื้อขายหุ้น ก็สามารถเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้น"นางภัทรียากล่าว
สำหรับบบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นขณะนี้ นางภัทรียา กล่าวว่า ช่วงนี้ดัชนีเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบแคบๆ แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบางไปมาก เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลปัญหาซับไพร์มว่าจะไม่ลุกลาม แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ จึงทำให้นักลงทุนรีรอ และนักวิเคราะห์เองก็ยังมองภาพไม่ชัด
ขณะที่ปัจจัยในประเทศดีขึ้นทั้งการรับร่างรัฐธรรมนูญและการกำหนดวันเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้การลงทุนคึกคักมากนัก เพราะการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ปัจจัยหลักจะอยู่ที่ต่างประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ