นายฉัตรธัย พันธัย ผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี บมจ. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) คาดว่า ในปีนี้บริษัทจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ 20-25% จาก 1.5 พันล้านบาทในปีก่อน จากปริมาณการเติมน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาที่อัตรา 7.5% มาที่ 4.58 พันล้านลิตรตามปริมาณสายการและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การที่ปริมาณการให้บริการน้ำมันเพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามสัญญาสัมปทานที่จะต้องชำระให้กับทาง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือทอท. ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงจาก 64% ในปีก่อนเหลือ 63% ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนเพิ่ม 1-2% โดยภาพรวม
นายฉัตรธัย กล่าวว่า จากในช่วงที่ผ่านมาอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างมีความผันผวนซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัท ทำให้บริษัทเปลี่ยนการคิดค่าบริการมาเป็นรูปของเงินบาท โดยจากเดิมที่สนามบินสุวรรณภูมิ คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ 5 เซ็นต์/แกลลอน มาเก็บที่ 0.46 บาท/ลิตร
ส่วนที่ดอนเมือง สมุย สุโขทัยจะปรับเปลี่ยนอัตราค่าบริการ จาก 6 เซนต์/แกลลอน มาที่ 0.55 บาท/ลิตร
รวมทั้งจะมีการปรับเปลี่ยนเงินกู้ที่เป็นสกุลดอลลาร์ ของบริษัท ทาโก้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก จำนวน 8 ล้านเหรียญ สรอ.ให้เป็นสกุลเงินบาทด้วย โดยคาดว่าการเจรจาจะแล้วเสร็จในพ.ย. 50
"การที่ปรับเปลี่นมาเป็นในรูปเงินบาทเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้า เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ก็คิดอัตรค่าบริการเป็นสกุลเงินในประเทศอยู่แล้ว และบริษัทไม่มีแผนที่จะกลับมาใช้เป็นสกุลดอลลาร์ แม้ว่าบาทจะอ่อนค่าลง เพราะเห็นว่าสอดคล้องกับภาระหนี้ของบริษัทที่เป็นรูปเงินบาทอยู่แล้วด้วย" นายฉัตรธัย กล่าว
สำหรับการจ่ายปันผลของบริษัทในปีนี้เชื่อว่า ยังน่าจะจ่ายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 0.62 บาท/หุ้น แม้จะมีภาระหนี้ โดยได้มีการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.20 บาท/หุ้น
นายฉัตรธัย กล่าวว่า ในระยะ 3-4 ปีข้างหน้าคงยังไม่แผนลงทุนเพิ่มขนาดใหญ่ แม้ว่าทอท.น่าจะมีการขยาย เฟส 2 ของสนามบินสุววรณภูมิใน 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากอัตราการให้บริการที่สามารถรองรับได้ 45 ล้านคนต่อปีใกล้เต็มแล้ว
ส่วนที่สนามบินดอนเมือง นายฉัตรธัย กล่าวว่า หากรัฐบาลเปิดให้ใช้เป็นสนามบินในภูมิภาคน่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัทเพราะมองว่าน่าจะมีสายการบินเข้ามาใช้เพิ่มมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/นิศารัตน์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 322 อีเมล์: nisarat@infoquest.co.th--