นายคมสัน ผลานุสนธิ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บลจ.แอสเซท พลัส เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางทั่วโลกมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ โดยเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.00-0.25% ขณะที่ไทยได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอยู่ที่ 0.50% ซึ่ง บลจ.แอสเซท พลัส ยังคงมองว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ อีกนานพอสมควร และการกลับมาฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังจำเป็นต้องได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอีกระยะเวลาหนึ่ง
ดังนั้น ในสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ เดลี่ พลัส (ASP-DPLUS) ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องจากทุกช่องทาง จึงเป็นทางเลือกที่จะสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งขนาดกองปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท (As of 9 Oct 20)
นายณัฐพล จันสิวานนท์ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการลงทุน บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวมีจุดเด่นที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นคุณภาพสูงในประเทศ รวมทั้งเงินฝากธนาคารต่างประเทศที่มีความมั่นคงสูง โดยการคัดเลือกตราสารหนี้ที่ลงทุนจะดูข้อมูลทางการเงินและกระแสเงินสดประกอบการพิจารณาทั้งในอดีต ปัจจุบัน รวมถึงการคาดการณ์ในอนาคต ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนในตลาดตราสารหนี้และสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้ทั้งในสภาวะดอกเบี้ยต่ำและในแนวโน้มดอกเบี้ยทรงตัว ทำให้กองทุนยังคงมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ เดลี่ พลัส (ASP-DPLUS) เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้และ/หรือเงินฝาก โดยสามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน ระดับความเสี่ยงในการลงทุน 4 มีนโยบายป้องกัน ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน สภาพคล่องสูงสามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ