CONSENSUS: โบรกฯเชียร์ ซื้อ BBL คาด H2/63 ตั้งสำรองฯลด-ซื้อเพอร์มาตาหนุนเติบโตยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 19, 2020 13:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ "ซื้อ"หุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) หลังคาดตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลงในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จากที่ได้ตั้งสำรองฯไปมากแล้วในช่วงครึ่งปีแรก ช่วยลดแรงกดดันต่อการทำกำไรของธนาคารในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับแนวโน้มลูกหนี้ที่เข้ามาตรการพักชำระหนี้ ตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)น่าจะมีไม่มากนัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคารเป็นกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจขนาดใหญ่ที่ยังมีความสามารถในการชำระหนี้ได้อยู่

อย่างไรก็ตามสินเชื่อของธนาคารยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคาร ยังคงชะลอการลงทุน แต่ในระยะยาวการที่ BBL เข้าซื้อกิจการ พีที เพอร์มาตา ทีบีเค (เพอร์มาตา) ในอินโดนีเซีย จะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันการเติบโตให้กับธนาคาร

พักเที่ยงหุ้น BBL อยู่ที่ 90.75 บาท ลดลง 3.75 บาท หรือ 3.97% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ร่วง 1.84%

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ               ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ยูโอบี เคย์เฮียนฯ                ซื้อ                        133
          ทรีนีตี้                         ซื้อ                        129
          ทิสโก้                         ซื้อ                        129
          โนมูระ พัฒนสิน                  ซื้อ                        125
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)             ซื้อ                        124
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ             ซื้อสะสม                      109

นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มการตั้งสำรองฯของ BBL ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ลดลง หลังจากที่ธนาคารตั้งสำรองฯไปค่อนข้างมากแล้วในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังมีแรงกดดันจากการตั้งสำรองฯลดลง ด้านกลุ่มลูกค้าของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการมาตรการพักชำระหนี้มีไม่มาก เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าหลักของ BBL เป็นลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ยังมีความสามารถในการชำระคืนหนี้อยู่ ขณะที่มีสัดส่วนลูกค้าเอสเอ็มอี และรายย่อยไม่มาก ทำให้เมื่อหมดมาตรการดังกล่าวไปเดือนต.ค.นี้ BBL ก็จะไม่มีแรงกดดันเรื่องแนวโน้มของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่จะปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารไม่ต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากการกลับมาตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามแนวโน้มของสินเชื่อธนาคาร คาดว่าจะชะลอตัวลงในช่วงไตรมาส 3/63 และไตรมาส 4/63 จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่เห็นภาพการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ BBL ยังคงชะลอการลงทุน และหันมาชำระคืนหนี้มากขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ยังคงประมาณการกำไรของ BBL ในปีนี้ไว้ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท จากการตั้งสำรองฯในครึ่งปีหลังที่ลดลง และการรับรู้ผลประกอบการของเพอร์มาตาในอินโดนีเซียเข้ามา

ด้านนางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มการตั้งสำรองฯของ BBL ในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้ายปีนี้น่าจะลดลง ทำให้แรงกดดันต่อกำไรในช่วงครึ่งปีหลังลดลงด้วย ขณะที่กลุ่มลูกค้าของ BBL ที่เข้ามาตรการพักชำระหนี้คาดว่าจะมีจำนวนไม่มาก เพราะกลุ่มลูกค้าหลักของธนาคารส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่ โดยสัดส่วนสินเชื่อของกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อยไม่มาก ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับการปรับเพิ่มขึ้นสูงของ NPL ในช่วงหลังสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้เดือนต.ค.มีน้อยลง

นอกจากนี้การที่ BBL ควบรวมเพอร์มาตาในอินโดนีเซียเข้ามา จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับธนาคารในระยะยาวได้ แม้ว่าช่วงเวลาในการซื้ออาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ในระยะยาวเศรษฐกิจและกำลังซื้อในอินโดนีเซียมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และช่วยขยายสาขาของธนาคารในประเทศอินโดนีเซียได้อย่างรวดเร็ว จากการควบรวมสาขาเข้ามา ทำให้หนุนการขยายตัวของธนาคารได้ แม้ว่าภาพในระยะสั้นผลการดำเนินงานอาจจะถูกผลกระทบจากปัจจัยโควิด-19

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มการตั้งสำรองของ BBL ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะลดลงจากครึ่งปีแรก ที่มีการตั้งสำรองไปมากแล้ว ทำให้แรงกดดันต่อกำไรในช่วงครึ่งปีหลังของธนาคารลดลงไปได้บ้าง แต่แนวโน้มของการปล่อยสินเชื่อคาดว่าจะยังชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 ทำไห้ความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ BBL ชะลอ ส่งผลให้แนวโน้มสินเชื่อในปีนี้มีโอกาสหดตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน

อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยหนุนภาพรวมผลการดำเนินของธนาคารในปีนี้จากการควบรวมธนาคารเพอร์มาตาในอินโดนีเซีย หลังจากดีลการซื้อขายเสร็จสิ้นแล้ว ทำให้ธนาคารสามารถรวมงบการเงินของเพอร์มาตาเข้ามาได้ และเพอร์มาตาจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจในต่างประเทศที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพในระยะยาวให้กับ BBL แม้ว่าในช่วงระยะสั้นจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เช่นเดียวกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ