นายสืบพงศ์ เกตุนุติ รองประธานกรรมการ บมจ.พีรพัฒน์ เทคโนโลยี (PRAPAT) กล่าวว่า บริษัทไม่มีความกังวลต่อภาวะตลาดหุ้นที่ร่วงลงในขณะนี้มากนัก แม้ว่าหุ้นของบริษัทจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันพรุ่งนี้ (20 ต.ค.) เป็นวันแรก หลังจากที่ได้เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.50 บาทเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากเห็นว่าหุ้นของบริษัท เป็นหุ้นที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากผลการดำเนินงานในอดีตที่มีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก
นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่เหมาะแก่การลงทุนในระยะยาว จากสินค้าของบริษัทซึ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องใช้และจะมีความต้องการมากขึ้นในอนาคต จากวิถีชีวิตใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันจุดเด่นที่สำคัญของบริษัทยังเป็นผู้นำเข้า เพื่อจำหน่ายและให้เช่าเครื่องล้างภาชนะอัตโนมัติ, เครื่องเติมน้ำยาสำหรับเครื่องซักผ้าอัตโนมัติ รวมทั้งให้บริการแบบครบวงจรเกี่ยวกับน้ำยาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ สำหรับภาคอุตสาหกรรม (Hygiene Cleaning Solution) ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 1,000 ราย และยังมีคู่แข่งน้อย
สำหรับเป้าหมายการเติบโตในอนาคต บริษัทมองว่าด้วยวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) จะส่งผลให้ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อ รวมถึงการนำเข้าและจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการบริการ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบริษัทถือว่ามีความพร้อมจากมีสินค้าที่หลากหลายที่จะเข้ามารองรับการเปลี่ยนแปลงในด้านนี้ อีกทั้งยังมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เองด้วย
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานในปี 64 จะกลับมาเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก เมื่อเทียบกับปี 63 ที่คาดมีแนวโน้มรายได้และกำไรสุทธิลดลง จากปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,003.83 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 45.23 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท โดยเฉพาะการจำหน่ายน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อให้กับกลุ่มลูกค้าโรงแรม ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนรายได้อยู่ค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาท่องเที่ยวในไทย ตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป
รวมถึงการปรับกลยุทธ์การขายสินค้าจากเดิมที่ขายให้กับอุตสาหกรรมเป็นหลัก มาขายสินค้าผ่านออนไลน์ ทั้ง Line: @PEERAPAT, มาร์เก็ตเพลส มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีรายได้ปีละ 50 ล้านบาทแล้ว อีกทั้งยังเน้นการให้เช่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการบริการมาขึ้น ซึ่งถือว่ามีมาร์จิ้นที่ค่อนข้างดี โดยปี 64 คาดว่าสัดส่วนจากการให้เช่าฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% จากเดิม 20% ก็น่าจะส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานกลับมาเติบโตได้เหมือนในอดีต
"เราอยากฝากนักลงทุนว่า เรามีการปันผลมาตลอด 9 ปี และเรามั่นใจในการเติบโตของเรา ถ้าอยากเห็นบริษัทคนไทยเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมฯ ของเออีซี ขอให้สนับสนุน PRAPAT"นายสืบพงศ์ กล่าว
ปัจจุบัน PRAPAT เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีทำความสะอาด และฆ่าเชื้อ โดยบริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อ ภายใต้ตราสินค้าหลัก "PEERAPAT" รวมทั้งเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอุตสาหกรรมการให้บริการ (Hospitality Industry) โดยผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่าย แบ่งออกเป็น 7 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักรีด 2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ 3) กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านครัว