น.ส.นุช กัลยาวงศา ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงินไม่เกิน 175 ล้านหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานก.ล.ต.ได้ภายในเดือนส.ค.นี้ หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ ทั้งนี้ วงเงินที่คาดว่าจะออกจะนำไปชำระหนี้ที่มีกว่า 150 ล้านเหรียญฯโดยเป็นหุ้นกู้แปลงสภาพอายุ 5 ปี สามารถแปลงสภาพได้ในปีที่ 3
"ตอนนี้ราคาหุ้นในตลาดอยู่ที่ประมาณ 50 บาท ราคาแปลงสภาพหุ้นกู้ปกติก็จะสูงกว่าราคาตลาดประมาณ 15-25% ซึ่งเมื่อเกิดการแปลงสภาพใน 3 ปีข้างหน้าจะนำไปชำระหนี้และส่วนหนึ่งก็นำไปขยายกองเรือ โดยเราจะออกหุ้นกู้ประมาณ 150 ล้านเหรียญฯ เท่ากับหนี้สินปัจจุบันที่มีประมาณ 150 ล้านเหรียญฯ ซึ่งพยายามจะยื่นไฟลิ่งต่อก.ล.ต.ให้ทันในเดือนส.ค.นี้" น.ส.นุช กล่าว
ทั้งนี้ การเข้าจดทะเบียนของ บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 78%ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ขณะนี้ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต.สิงคโปร์เรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ระหว่างการอนุมัติเป็นพิเศษในบางเรื่อง เช่น การทำบัญชีเมอร์เมดตามมาตรฐานของไทยเหมือนกับบ.ไทยเบฟเวอเรจ ซึ่งจะสะดวกต่อการคิดเมื่อรวมเป็นงบรวมกับ TTA แล้ว
สำหรับหุ้นที่ TTA ถืออยู่ยังไม่สามารถกำหนดว่าจะกระจายเท่าไร อยู่ที่การกำหนดการกระจายหุ้นของเมอร์เมดฯก่อน โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินคือ บล.แมควอรี่ และการเลือกที่จะไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความเป็นสากลและมีหลายบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกับเมอร์เมดฯที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ และรายได้จากเมอร์เมดฯกว่า 50% มาจากภูมิภาคซึ่งบริษัทยังไม่มีแผนที่จะจดทะเบียนแบบดูโอลิสซิ่งในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากการจดทะเบียนในสิงคโปร์เหมาะสมกับบริษัทแล้ว ทั้งนี้ การจดทะเบียนในของเมอร์เมดฯคาดว่าจะส่งผลดีต่องบฯของ TTA เนื่องจากเมอร์เมดฯมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องง
ผลประกอบการของ Q3/50 (สิ้นสุดมิ.ย.50) คาดว่าจะออกมาดีจากการที่ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) สูงกว่าไตรมาส 2 (สิ้นมี.ค.50) ประกอบกับค่าระวางเรือโดยเฉลี่ยในไตรมาวส 3 ของTTA คาดว่าจะสูงกว่าไตรมาส 2ที่อยู่ที่ 14,553 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันต่อลำในไตรมาส 2 และเชื่อมั่นว่าในไตรมาส 4 ค่าระวางเรือก็ยังอยู่ในแนวโน้มที่ดีและมีทิศทางที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากปัญหาความแออัดที่ท่าเรือออสเตรเลียยังไม่สามารถแก้ไขได้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปี จึงเชื่อมั่นว่ายังไม่มีแนวโน้มที่ค่าระวางเรือจะปรับลงแต่อย่างใด ประกอบกับไตรมาส 3 ถือว่าเป็นช่วง high season ของธุกรกิจเดินเรือแต่ไตรมาส 4 จะเป็นช่วง low season แต่เชื่อว่าในปีนี้ผลประกอบการไตรมาส 4ก็ยังดี
สำหรับรายได้และกำไรทั้งปี 50 เชื่อมั่นว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าเนื่องจากบริษัทมีรายจ่ายเป็นดอลลาร์ 65-70% ซึ่งบริษัทได้มีการประกันความเสี่ยงโดยธรรมชาติ(Natural Hedge) ประกอบกับบริษัทมีการประกันความเสี่ยงค่าเงินล่วงหน้าและสามารถทำกำไรจากการประกันความเสี่ยงได้ด้วย
น.ส.นุช กล่าวถึงแผนการเพิ่มกองเรือว่า บริษัทมีแผนที่จะต่อเรือเพิ่มอีก 2 ลำในปีนี้ขนาด 4-5 หมื่นเดทเวทตัน หลังจากปีนี้บริษัทสั่งต่อเรือไปแล้ว 2 ลำ ซึ่งในแผน 5 ปี บริษัทมีแผนที่จะต่อเรือใหม่และ.ซื้อเรือมือ 2 ที่มีอายุการใช้งานน้อยเพิ่ม 20 ลำ ทดแทนเรือที่จะมีอายุเกิน 25 ปี และเพิ่มขนาดบรรทุกจากปัจจุบันอยู่ที่ 2.6-2.7 หมื่นตันให้เป็น 4-5 หมื่นตัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีกองเรือ 45 ลำและมีการเช่า 4 ลำ
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/จำเนียร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--