นายสืบพงศ์ เกตุนุติ รองประธานกรรมการ บมจ.พีรพัฒน์ เทคโนโลยี (PRAPAT) เปิดเผยว่า ทิศทางรายได้ในปี 64 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ 10% มาที่ราว 900 ล้านบาท หลังจากปีนี้รายได้และกำไรสุทธิคาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 1,003.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 42.23 ล้านบาท เนื่องจากรับผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารที่ต้องปิดดำเนินการช่วงล็อกดาวน์ไตรมาส 2/63
อย่างไรก็ตาม เมื่อคลายล็อกดาวน์แล้ว ธุรกิจต่าง ๆ ก็เริ่มกลับมาให้บริการในช่วงปลายไตรมาส 2/63 จึงน่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3/63 และไตรมาส 4/63
สำหรับปี 64 การเติบโตจะเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม หลังจากที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลงและหากมีวัคซีนออกมาใช้ได้ตามคาดก็จะทำให้ทิศทางดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเน้นการขยายตลาดสินค้าสำหรับบุคคลทั่วไปเพิ่มเติม โดยเน้นช่องทางห้างสรรพสินค้าและตลาดออนไลน์ เชื่อว่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของยอดขายเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพิ่มเติม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดีขึ้นก็จะเดินหน้าขยายตลาดได้ทันที
"ราคาวันนี้ถือว่ารับได้ ซึ่งที่ผ่านมาเราเชื่อว่าเรามาได้ถูกทางแล้ว เราอยู่ในกลุ่มอาหาร และกลุ่มโรงแรม ที่มีทิศทางการเติบโตที่ดี และก้าวต่อไปของเราคือการเดินไปในภูมิภาค เรามีแผนที่จะก้าวไประยะยาวแล้ว แต่แผนเรายังคงต้องเก็บไว้ก่อน ซึ่งเราเตรียมที่จะไปในกลุ่มประเทศ AEC ด้วย"นายสืบพงศ์ กล่าว
PRAPAT ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อ ภายใต้ตราสินค้าหลัก "PEERAPAT" รวมทั้งเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอุตสาหกรรมการให้บริการ (Hospitality Industry) เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.50 บาท โดยหุ้นของบริษัทได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันนี้เป็นวันแรก โดยราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 1.60 บาท สูงว่าราคา IPO 6.67%