นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดบรรจุภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อ SCGP ในการซื้อขายหลักทรัพย์ คาดว่าด้วยศักยภาพของบริษัทที่เป็นผู้นำธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน จะสร้างความเชื่อมั่นและได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ต้องการร่วมเติบโตไปพร้อมกับบริษัท
ทั้งนี้ หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย SCGP จะนำเงินจากการระดมทุนมาใช้ขยายธุรกิจ ชำระเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยวางแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคง พร้อมกันนี้ได้วางโมเดลธุรกิจ Packaging Solutions ที่แตกต่างเพื่อตอบสนองความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์แก่ลูกค้า ตลอดจนรักษาตำแหน่งผู้นำธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน
"ต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่เชื่อมั่นใน SCGP โดยเราวางกลยุทธ์ที่จะเติบโตในภูมิภาคอาเซียนต่อไปอย่างมั่นคงพร้อมทั้งวางแผนสื่อสารสร้างแบรนด์ SCGP ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้ากระจายตัวในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และมีบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย ทำให้บรรจุภัณฑ์ของ SCGP กลายเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ทุก ๆ วันของผู้บริโภค (Packaging in Everyday Life)"นายวิชาญ กล่าว
SCGP เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 1,127.55 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 35 บาท ระหว่างวันที่ 28 ก.ย.-14 ต.ค.63 ขณะที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินซึ่งยืมจากบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) จำนวน 169.13 ล้านหุ้น
ด้านนางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ SCGP ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินแก่ SCGP รองรับขยายธุรกิจต่อไป จึงเชื่อว่าหลังจากเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรก จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยคาดว่า SCGP จะเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ที่คำนวณดัชนี SET50 ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ SCGP เป็นบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจที่แตกต่างและมีผลิตภัณฑ์รวมถึงบริการอย่างครบวงจร ในช่วงที่ผ่านมาจึงสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน รวมถึงมีจุดเด่นที่น่าสนใจ เช่น เป็นผู้นำธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่จะได้รับแรงเสริมจากการใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์ที่มีการออกแบบโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในยุค New Normal ได้อย่างดี นอกจากนี้ SCGP ยังดำเนินธุรกิจโดยยึดหลัก ESG หรือการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นแนวคิดของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า คาดว่า SCGP จะเป็นหุ้นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่โดดเด่น โดยเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี มีการพัฒนาโมเดลธุรกิจและขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง มีสินค้าที่ครอบคลุมทั้งบรรจุภัณฑ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์จากพอลิเมอร์ มีฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย มีการนำเสนอโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์การออกแบบบรรจุภัณฑ์ตามความต้องการเฉพาะแต่ละราย รวมถึงดำเนินธุรกิจโดยใส่ใจการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเพื่อความยั่งยืน