นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น(SAMART)กล่าวว่า ในปีนี้กลุ่ม SAMART ปรับลดคาดการณ์รายได้รวมลงเหลือ 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท จากที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากงานที่ บมจ.สามารถ เทลคอม
(SAMTEL)คาดว่าจะได้รับพลาดไปจากเป้าหมายหลังจากงานภาครัฐชะลอไปไม่มีการประมูลใหม่ แต่ครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะมีการเร่งจ่ายงบภาครัฐที่คั่งค้างอยู่ ก็จะทำให้มีงานประมูลเข้ามามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารายได้อาจลดลงจากเป้า แต่บริษัทจะพยายามรักษากำไรจากการดำเนินงานไม่ให้ลดลงมาก หรืออย่างน้อยให้ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่หากคิดกำไรสุทธิทั้งหมดอาจลดลงจากปีก่อนมาก เนื่องจากในปี 49 บริษัทได้กำไรพิเศษจากการขายหุ้นให้กับเทเลคอมมาเลเซียกว่า 1.6 พันล้านบาท
สำหรับ SAMTEL นายไพโรจน์ วโรภาษ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทจะพยายามทำกำไรในครึ่งปีหลังให้มากกว่าครึ่งปีแรกที่มีกำไรราว 70 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะลดลง เนื่องจากการชะลอตัวของงานภาครัฐ แต่บริษัทยังมีงานคงค้างในมือถึง 5.2 พันล้านบาท โดยเฉพาะโครงการ School Net 1.9 พันล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายไตรมาสละ 400 กว่าล้านบาท และโครงการ AMR ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่จะทยอยรับรู้กว่า 300 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้
นอกจากนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าภาครัฐจะเร่งเบิกจ่ายก่อนสิ้นปีงบประมาณ 50 คาดว่าจะทำให้มีการเปิดประมูลงานใหม่จำนวนมาก ซึ่งเบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะเข้าประมูลงานราว 2.5 พันล้านบาท
ด้าน บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย(SIM)นายธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทพยายามทำให้กำไรสุทธิในปีนี้อยู่ในระดับสูงกว่า 460 ล้านบาทในปี 49 แม้ว่ารายได้จะปรับตัวลดลงจำนวนมาก โดยบริษัทจะเน้นการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือเฮ้าส์แบรนด์"ไอ-โมบาย"เพิ่มเป็น 80% ของยอดขายทั้งหมดที่คาดว่าจะได้รับในปีนี้กว่า 4 ล้านเครื่องทั้งในและต่างประเทศ
การจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ไอ-โมบาย จะทำให้บริษัทมีมาร์จิ้นที่ดีขึ้น แม้ว่ายอดขายรวมอาจลดลงเพราะราคาเฉลี่ยต่อเครื่องต่ำ แต่โทรศัพท์มือถือเฮ้าส์แบรนด์มีมาร์จิ้น 13% ขณะที่มือถือแบรนด์ทั่วไปมีมาร์จิ้นประมาณ 1-2% เท่านั้น โดยในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนจะวางตลาดโทรศัพท์มือถือ ไอ-โมบาย รุ่นใหม่ 9 รุ่น ซึ่ง 1 ในนั้นจะเป็น PDA รุ่นแรกของ ไอ-โมบาย ที่มีราคาต่ำแค่ 8 พันบาท/เครื่อง
และในช่วงครึ่งปีหลัง ไอ-โมบาย จะมีการปรับธุรกิจให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยจะจัดทีมบริหารแยกกันระหว่าง สามารถ ไอ-โมบาย และ สามารถ โมบาย เซอร์วิส ที่ดูแลโทรศัพท์มือถือแบรนด์อื่น ๆ พร้อมทั้งแยกกิจการ สามารถ มัลติมีเดีย ออกมาเพื่อดูแลกิจการของ BUG 1113 และ โทร 1900 โดยเฉพาะ
รวมทั้งจะมีการจัดตั้งบริษัทใหม่อีก 1 แห่ง เพื่อดูแลผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าที่นอกเหนือจากโทรศัพท์มือถือ เช่น MP3 และ สมาร์ทโฟน
นายวัฒน์ชัย ยังกล่าวถึงการขยายธุรกิจของกลุ่ม SAMART ในต่างประเทศว่า บริษัทยังคงหวังว่าจะขยายธุรกิจในกัมพูชา แม้ว่าจะผิดหวังจากการประมูลโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ แต่ก็จะเข้าประมูลงานอื่น ๆ ต่อไป
"การลงทุนในเขมรถือเป็นบ้านหลังที่ 2 รองจากไทย"นายวัฒน์ชัย กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--