ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งรับหลักทรัพย์หุ้นสามัญของบมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ SCGP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรม สินค้าอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจ บรรจุภัณฑ์ เริ่มทำการซื้อขายในวันที่ 22 ต.ค.63 โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับ ตลท. และจำนวนหุ้นชำระแล้ว 4,253,550,000 หุ้น ราคาพาร์ 1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นทุนจดทะเบียน 4,253,550,000 บาท
SCGP เสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,127,550,000 หุ้น จัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไป จำนวน 958,419,335 หุ้น ผู้ถือหุ้นเดิมของบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (Pre-Emptive right) จำนวน 169,130,665 หุ้น ราคาเสนอขาย IPO 35.00 บาท ระหว่างวันที่ 28 ก.ย.-14 ต.ค.63 ขณะที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินซึ่งยืมจากบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) จำนวน 169,130,000 หุ้น
SCGP เป็นบริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) เพื่อให้บริการโซลูชั่นด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร โดยแบ่งออกเป็น 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ (1) สายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Intergrated Packaging Chain) และ 2) สายธุรกิจเยื่อและกระดาษ (Fibrous Chain) โดยมีบริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด เป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักซึ่งก่อให้เกิดกำไรหลัก ขณะที่มีรายได้หลักกว่า 80% มาจากสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ที่มุ่งเน้นการนำเสนอสินค้าและบริการด้วยโซลูชันที่หลากหลายกว่า 120,000 รูปแบบ (SKUs)
ในปี 2562 บริษัทเป็นผู้ประกอบการกระดาษบรรจุภัณฑ์ลูกฟูกและบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูก อันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 36% โดยผู้ประกอบการอันดับที่ 2 มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 12% ทั้งนี้ บริษัทนับเป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ด้วยกำลังการผลิตรวม 4 ล้านตันต่อปี ปัจจุบันมีโรงงานผลิตในทุกสายธุรกิจ รวม 40 แห่ง ตั้งอยู่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง ธุรกิจให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "SCGP" ในวันที่ 22 ต.ค.63
การเสนอขายหุ้น IPO ที่ผ่านมาคิดเป็นมูลค่าระดมทุน 39,464.25 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 148,874.25 ล้านบาท โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ 2 ราย ได้แก่ บล.ไทยพาณิชย์ และบล.บัวหลวง
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP เชื่อมั่นว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านการขยายธุรกิจ การชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดย SCGP มีแผนการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งนำเสนอบรรจุภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีศักยภาพเติบโตสูง รวมถึงการนำเสนอ Packaging Solutions เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า
พร้อมทั้งมุ่งคิดค้นและพัฒนาบรรจุภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ตลอดถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุมและครบวงจร
บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปี ในอัตราไม่ต่ำกว่า 20% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน และความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อบริหารกิจการ และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ
SCGP มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ SCC ถือหุ้นรวม 68.81% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ทั้งนี้ ภายหลังจากการจัดหาหุ้นและดำเนินการส่งมอบหุ้นคืนแล้ว สัดส่วนการถือหุ้นของ SCC จะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 70% ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้