นายพงษ์ชัย อมตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) เปิดเผยว่า เชื่อว่ารายได้ในไตรมาส 3/50 จะดีกว่าไตรมาส 2/50 ที่มีรายได้ 613 ล้านบาท และดีกว่าไตรมาส 3/49 ที่มีรายได้ 723 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 3 เป็นช่วง High season ที่อัตราการเติบโตสูงเพราะเป็นช่วงใช้งบสุดท้ายของราชการ และยังเป็นช่วง peak ของการรับงานรับจ้างผลิตให้กับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อนำไปผลิตสินค้ารองรับเทศกาลปีใหม่
รวมทั้งการรับจ้างผลิตฮาร์ดดิสให้กับ Western Digital (WD) ซึ่งบริษัทมีรายได้จากการผลิตให้ WD ประมาณ 200 ล้านบาทต่อเดือน โดยเริ่มรับรู้รายได้ประมาณเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา จึงทำให้คาดว่าจะมีรายได้จาก WD ในปีนี้ที่ 1,200-1,300 ล้านบาท จากมูลค่างานที่ได้ 2,000 ล้านบาท รวมทั้งธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์โทรคมนาคมและระบบสัญญาไฟจราจร การจำหน่ายและรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์ก็เติบโต
ในครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าจะได้รับงานรวมมูลค่าประมาณ 3,370 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการทยอยรับรู้ในครึ่งปีหลังนี้ 2,700 ล้านบาท และที่เหลือเป็นปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างที่จะเข้าประมูลในงาน MSAN ที่รับเพิ่มและมี IP DSLAM ของบมจ.ทีโอที ประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมทั้งจะเข้าประมูลในโครงการมอเตอร์เวย์และเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ จากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทคาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทในปีนี้ ถึงแม้รายได้รวมในครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 1,300 ล้านบาท
"ในช่วงครึ่งปีหลังมีงานใหญ่ที่เราคาดว่าจะได้รับในครึ่งปีหลัง ก็จะมีงานของ TOT, CAT, Hello, กทม., ช.การช่าง, Shin Sat, WD รวมแล้วมูลค่าประมาณ 3,300 ล้านบาท ส่วนงานที่ FORTH สนใจเข้าร่วมประมูล คืองาน MSAN และ DSLAM ของ TOT ขนาดประมาณ 1,000 ล้านบาท" นายพงษ์ชัย กล่าว
ในปีนี้คาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนประมาณ 110-114 ล้านบาท ในการลงทุนเครื่องจักรและอาคาร 90 ล้านบาท ในการรองรับการขยายตัวของงานและที่เหลือ 20-24 ล้านบาท เป็นการลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ บริษัทยังคงพยายามทำรายได้ให้ได้ตามเป้าที่ 5,000 ล้านบาทในปีนี้ ถึงแม้ขณะนี้งานของ TOT ยังไม่ได้คำตอบจากที่ยื่นไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้รับคำตอบก่อนเดือนก.ย.เพราะ TOT จะปิดงบฯเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม ถึงไม่ได้งาน TOT บริษัทก็ยังได้งานอื่น ๆ แต่ยอมรับว่างานของ TOT เป็นงานใหญ่
บริษัทคาดว่าจะมี Net profit margin ในปีนี้ต่ำกว่า 8% จากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 10% เนื่องจากการที่บริษัทรับงาน WD จำนวนมากแต่ได้มาร์จิ้นค่อนข้างต่ำ
นอกจากนี้ ในเดือนก.ย.บริษัทจะมีการแนะนำสินค้าตัวใหม่ IP PABX โดยมีแผนในการเพิ่มสัดส่วนต่างประเทศมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนไม่ถึง 5% ซึ่งการเจาะตลาดต่างประเทศในสินค้าดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% แต่คงไม่ถึง 10%
ก่อนหน้านี้ มีการขายหุ้นออกไป 9 ล้านหุ้น และได้ซื้อกลับมา 1 ล้านหุ้น ซึ่งในส่วนที่เหลือจะทยอยซื้อในกระดานให้ครบจำนวนที่ขายไป
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--