นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดีเฮ้าส์พัฒนา (DHOUSE) เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเปิดซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันจันทร์ที่ 26 ต.ค. 63 หลังจากที่บริษัทเดินสายให้ข้อมูลกับนักลงทุน (โรดโชว์) ใน 10 จังหวัด และได้ปิดการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา และนักลงทุนเข้าจองซื้อ IPO ทั้งหมด 217.20 ล้านหุ้น ทำให้เชื่อว่าราคาหุ้นจะสูงกว่าราคา IPO
ทั้งนี้ เชื่อว่านักลงทุนเล็งเห็นถึงศักยภาพของบริษัทจากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีความสามารถในการทำกำไรที่ดี จากต้นทุนที่ดินที่ดี และการบริหารจัดการด้านการก่อสร้างที่ดีทำให้เกิดการสูญเสียน้อย ส่งผลครึ่งแรกปีนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่สูง 55% และมีอัตรกำไรสุทธิ 28% สะท้อนภาพความสามารถในการทำกำไรที่ดีของบริษัท ขณะที่ราคา IPO ที่ 0.60 บาท/หุ้น ถือว่ามีความสมเหตุสมผล
ขณะที่แนวโน้มของหุ้นอสังหาริมทรัพย์ในมุมมองของผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างมองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคลี่คลาย แต่ยังถูกกดดันภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อทำให้การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่กลับมาฟื้นได้เต็มที่ แต่หากเศรษฐกิจเห็นการกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจนภาคอสังหาริมทรัพย์ก็จะฟื้นกลับมาเป็นกลุ่มแรก ๆ ตามภาวะเศรษฐกิจที่กลับสู่ภาวะขาขึ้น ทำให้นักลงทุนน่าจะยังคงมีความสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อยู่
ส่วนภาวะตลาดหุ้นไทยที่เริ่มได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ลดความร้อนแรงลง หลังจากนายกรัฐมนตรีออกแถลงการณ์ถอยคนก้าวเมื่อวานนี้ และได้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร มีผลตั้งแต่เที่ยงวันนี้ ทำให้ตลาดตอบรับเชิงบวก จากนักลงทุนคลายความกังวลลง ทำให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยกลับมาดีขึ้นก่อนเข้าสู่วันหยุดยาว จากช่วงก่อนหน้าที่ตลาดรับแรงกดดันทางการเมืองเข้ามามาก
ด้านจุดเด่นของจังหวัดมหาสารคามที่เป็นศูนย์กลางการศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจังหวัดมหาสารคามยังเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตเป็นอันดับ 5 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองจากจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี และอุดรธานี ซึ่งมีโอกาสการขยายตัวอีกมาก ขณะที่ DHOUSE เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดมหาสารคาม ด้วยส่วนแบ่งตลาด (Market share) ในปี 62 ที่ 10% จากมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ราว 1.2-1.3 พันล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ถือว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต และพร้อมก้าวเป็นผู้นำผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแผนธุรกิจและแผนการตลาด ในโครงการพฤกภิรมย์, โครงการ U Park และโครงการแกรนด์ บิซ 2 จำนวน 60 ล้านบาท อีกทั้งจะใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อขยายโอกาส และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจพร้อมกับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ จำนวน 35 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจะได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้า คู่ค้า และสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้น สร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ IPO ของ DHOUSE กล่าวว่า เชื่อว่าหุ้น DHOUSE จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปในการซื้อขาย เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ดี ธุรกิจมีโอกาสเติบโต
DHOUSE เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 217.20 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.60 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 19.87 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม