นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ ปตท.ที่เดินท่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (สุวรรณภูมิ) ใน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เกิดเหตุระเบิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. เบื้องต้น ปตท.ได้ตัดแยกระบบการเดินท่อเพื่อควบคุมก๊าซฯ และอยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุของการระเบิด ซึ่งขณะนี้หน่วยงานด้านความปลอดภัยของ ปตท.ได้เข้าพื้นที่และเร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว
ด้านนายโชคชัย ธนเมธี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ ปตท.เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.55 น. ของวันนี้ (22 ต.ค.) โดยเกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเกิดเพลิงไหม้ บริเวณตรงข้ามวัดเปร็งราษฎร์บำรุง ถนนเทพราช-ลาดกระบัง ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้เกิดก๊าซฯ ฟุ้งกระจายสู่บรรยากาศและเกิดการติดไฟ ล่าสุดจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บ 28 ราย และเสียชีวิต 3 ราย
สำหรับการระงับเหตุในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ ปตท. ได้เข้าพื้นที่เพื่อระงับเหตุ ตรวจสอบสาเหตุและดำเนินการตัดแยกระบบบริเวณช่วงท่อดังกล่าว นอกจากนี้ได้ประสานงานทีมดับเพลิงในพื้นที่เพื่อร่วมระงับเหตุ โดยขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์เพลิงไหม้ได้เรียบร้อยแล้ว ปตท. จัดตั้งศูนย์ควบคุมเหตุฉุกเฉิน แจ้งลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทราบ และเร่งแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่
นายโชคชัย กล่าวว่า ปตท.ร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ จัดตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ในพื้นที่วัดเปร็งราษฎร์บำรุง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้มอบหมาย นายชวลิต ทรงกิตติ นายอำเภอบางบ่อ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานดังกล่าว และได้รับความร่วมมือจาก อบต.เปร็ง กองบังคับการตำรวจภูธร จ.สมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สมุทรปราการ เพื่อสนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม และที่พักชั่วคราวในระยะเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ และอำนวยความสะดวกให้แก่ทีมปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ปตท. พร้อมดูแลรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นทั้งหมดสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต
ในด้านผลกระทบกับลูกค้าก๊าซฯปตท. จะดำเนินการจ่ายก๊าซย้อนให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม บริเวณนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังและนิคมอุตสาหกรรมเอเชียสุวรรณภูมิ รวมทั้ง ปตท. ได้ประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการจ่ายก๊าซฯเพิ่มเติมให้แก่โรงไฟฟ้าในพื้นที่อื่น เพื่อให้การผลิตไฟฟ้ามีความต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปตท. มีความจำเป็นต้องปิดสถานีบริการ NGV จำนวน 1 สถานี ได้แก่ สถานีบริการ NGV ปตท. เอส.วี.โพรเกรสซีฟ สาขา บางปะกง เป็นการชั่วคราว โดยอยู่ระหว่างการแก้ไขเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด สำหรับสาเหตุของอุบัติเหตุ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยละเอียด
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กรมธุรกิจพลังงาน ร่วมกับ ปตท.และ กฟผ. ตรวจสอบสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ส่งผลกระทบความเสียหายต่อชุมชน โรงเรียน และ โรงงาน ในนิคมเอเชียสุวรรณภูมิ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ
ในส่วนการผลิตไฟฟ้านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สายส่งไฟฟ้าแรงสูงของกฟผ. ขนาด 230 กิโลโวลต์ (kV) คลองใหม่-ลำลูกกา วงจร 1 และ 2 ขัดข้อง แต่ยังสามารถส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ประชาชน โดยนำสายส่งชั่วคราว 230 kV พระนครใต้-เทพารักษ์เข้าใช้งาน รวมทั้งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกงหน่วยที่ 5 และเดินเครื่องโรงไฟฟ้าวังน้อย หน่วยที่ 3 ซึ่ง กฟผ.ยืนยันไม่กระทบกับผู้ใช้ไฟอย่างแน่นอน
"กระทรวงพลังงานขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน ประสาน ปตท. กฟผ.บูรณาการการทำงานร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ โดยให้ ปตท.บริหารจัดการสถานการณ์ในเหตุการณ์ดังกล่าวให้ดีที่สุด เร่งหาสาเหตุและดูแลความปลอดภัยของประชาชน การช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยและผู้เสียชีวิต และการชดเชยความเสียหายในส่วนที่เกี่ยวข้อง"นายกุลิศ กล่าว
นายถวัลย์ ธนกิจเจริญพัฒน์ รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับทราบว่าเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวได้สงบแล้ว จากการตรวจสอบเบื้องต้นอาจเกิดจากรถแบคโฮ ได้เข้าไปทำงานใกล้แนวท่อก๊าซธรรมชาติ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล ทั้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) และปตท. เพราะตามแนวท่อก๊าซฯ จะมีป้ายกำกับเตือน อันตรายการทำงาน ให้ระมัดระวังที่ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาอุบัติเหตุท่อก๊าซฯมักจะเกิดขึ้นจากการไม่ขออนุญาตเข้าไปทำงาน และไม่ระมัดระวังจนเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตามกำลังเร่งสรุปหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
สำหรับท่อก๊าซฯดังกล่าว เป็นท่อส่งก๊าซฯบนบกเส้นที่ 2 ของประเทศ มีขนาด 36 นิ้ว มีการใช้งานมานานแล้ว ส่งก๊าซฯไปใช้ในโรงงานของนิคมอุตสากหรรม และอาจจะมีส่งไปยังโรงไฟฟ้า โดยทันทีที่เกิดเหตุ ทางปตท.ได้ปฏิบัติการตามมาตรฐานดูแลความปลอดภัย โดยตัดระบบก๊าซฯ พร้อมทั้งแจ้งให้โรงงานต่าง ๆ ใช้ระบบเชื้อเพลิงสำรองอื่นไปก่อน
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจภูธรเปร็ง เวลาประมาณ 12.50 น.ได้รับแจ้งเหตุท่อส่งก๊าซฯระเบิดแล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ บริเวณถนน 200 ปี ตรงข้ามกับสถานีตำรวจภูธรเปร็ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิง รถดับเพลิง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกันควบคุมเพลิงไหม้ พร้อมทั้งอาสาสมัครกู้ภัย และหน่วยกู้ชีพ คอยให้การช่วยเหลือปฐมพยาลผู้ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ และเร่งระบายควัน ขณะที่พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ภายหลังจากเพลิงสงบลง และอุณหภูมิภายในที่เกิดเหตุลงลด เพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ตลอดจนพิสูจน์ทราบต้นเพลิงว่าเกิดจากที่ใด และกลุ่มควันที่เกิดจากเพลิงไหม้นี้เกิดจากสาเหตุใด