(เพิ่มเติม) SATตั้งงบลงทุนปี 51 ที่ 450-470 ลบ. เล็งลงทุนขนาดใหญ่/ไม่มีแผนเพิ่มทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 30, 2007 14:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายวีระยุทธ กิตะพาณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) กล่าวว่า บริษัทมีแผนลงทุนในปี 51 ประมาณ 450-470 ล้านบาท เป็นการลงทุนขยายกำลังการผลิตทั้งเครื่องจักรและสายการผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับคำสั่งซื้อใหม่ในอนาคต พร้อมทั้งอยู่ระหว่างวางแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้
อนึ่ง ในปี 50 บริษัทใช้เงินลงทุน 300-350 ล้านบาทเพิ่มสายการผลิตใหม่
"แม้ว่าบริษัทจะมีการลงทุนมาก แต่ในช่วง 3 ปีนี้เราจะไม่มีแผนเพิ่มทุน เพราะเรามีรายได้จากการดำเนินงานปีละ 800-1,000 ล้านบาท และเราจะใช้เงินกู้มากกว่า"นายวีระยุทธ กล่าว
นายวีระยุทธ กล่าวว่า การศึกษาแผนลงทุนใน 3 ปีข้างหน้าก็อยู่ระหว่างการสรุปในปลายปีนี้ โดยจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ประเภท Module และมีโอกาสที่ดีหลังจากค่ายรถยนต์มิตซูบิชิย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย และอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจ้างผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศ ซึ่งบริษัทกำลังศึกษาเพื่อเตรียมรับงานบางส่วนจากมิตซูบิชิ
ส่วนโครงการส่งเสริมรถประหยัดพลังงาน(อีโคคาร์)คาดว่าน่าจะส่งผลดีต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่รับงานจากค่ายมิตซูบิชิ และโตโยต้าที่มีการฐานการผลิตขนาดใหญ่ในประเทศไทยที่สามารถรองรับการผลิตตามนโยบายรัฐบาลได้
กรณีที่มีความกังวลผู้ผลิตรถยนต์ต่างประเทศจะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีอัตราเติบโตสูง อย่างอินเดียหรือจีนนั้น นายวีระยุทธ เชื่อว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะค่ายรถยนต์หลายรายลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ในประเทศไทยไปแล้ว มีมูลค่าการลงทุนค่อนข้างสูง หากมีการย้ายฐานการผลิตก็จะต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก
*ยอดขายปี 51 โตต่อเนื่อง
นายวีระยุทธ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่องในปี 51 โดยน่าจะขยายตัว 15-17%
ขณะที่ปี 50 คาดว่ายอดขายจะเติบโตได้ถึง 15% จากปี 49 ที่มียอดขาย 4.2 พันล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นจากที่เคยประมาณการไว้เดิมว่าจะเติบโต 10% เนื่องจากมองว่าในครึ่งปีหลังยอดผลิตรถยนต์จะกลับมาเติบโตได้ หลังปัจจัยการเมืองมีความชัดเจน ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคน่าจะกลับมา
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้คาดจะรักษาไว้ได้ที่ไม่ต่ำกว่า 20% เนื่องจากบริษัทพยายามลดต้นทุนคงที่ และเพิ่มปริมาณการผลิตและขาย ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูง จากปีก่อนอยู่ที่ 19-20%
ปีนี้บริษัทมียอดส่งออกโดยตรงประมาณ 3% ซึ่งลูกค้าหลักได้แก่ ญี่ปุ่น และช่วงที่ผ่านมา ได้รับงานของซัมซุง โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากการส่งอออกปีนี้จะใกล้เคียงปีก่อน
ส่วนการเข้าซื้อกิจการของบริษัท อินเตอร์เนชันแนล แคสติ้ง โปรดักส์ จำกัด (ICP)ที่ใช้เงินลงทุน 165 ล้านบาท และบริษัทฯได้ใส่เงินเพิ่มทุนอีก 35 ล้านบาทนั้น บริษัทคาดว่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่า 15% และส่งผลดีต่อกำไรของบริษัท แต่ในส่วนรายได้จะไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ