ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ายังปรับตัวลงต่อเนื่องตามตลาดตปท. รับแรงขายจากต่างชาติ

          นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงต่อเนื่อง ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเช้านี้ตลาดในภูมิภาคเอเชียต่างก็ปรับตัวลงเช่นกัน ซึ่งตลาดหุ้นไทยเชื่อว่ายังคงรับแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติต่อไป
          ปัญหาที่มากระทบการลงทุนตอนนี้ในเรื่องของซับไพร์ม ในสหรัฐฯ เชื่อว่าจะยังไม่จบง่าย ๆ ในช่วงสั้น แม้ว่าจะมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องก็ตาม นอกจากนี้ ช่วงนี้ยังมีเรื่องของ Yen Carry Trade ที่ทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นทำให้กดดันให้เกิดแรงขายหุ้นได้อยู่
          สำหรับปัจจัยในประเทศในเรื่องของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยเบาบางลงไป เนื่องจากตลาดหุ้นไทยตอนนี้ก็ปรับตัวลงอยู่แล้ว ดังนั้นหากการลงประชามติฯไม่ผ่านก็เป็นเรื่องของปัญหาทางการเมืองในอนาคต ซึ่งก็อาจจะมีผลต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจบ้าง แต่หากผ่านปัญหาก็จบเรื่องไปการเลือกตั้งก็น่าจะเกิดขึ้นได้ตามกำหนด
          พร้อมให้กรอบการแกว่งในวันนี้ที่ 764-778 จุด         
          ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :  
          - ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(15 ส.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 12,861.47 จุด ลดลง 167.45 จุด(-1.29%) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.เป็นต้นมาที่ดาวโจนส์ปิดตลาดต่ำกว่าระดับ 13,000 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,406.70 จุด ลดลง 19.84 จุด(-1.39%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,458.83 จุด ลดลง 40.29 จุด (-1.61%)  
          - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,212.09 ล้านบาทเมื่อวานนี้
          - ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้ที่ 73.33 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.95 ดอลลาร์
          - WTO ชี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก อาจชะลอตัวในปีหน้า ระบุความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในตลาดการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เหตุปัญหาสินเชื่อในตลาดซับไพร์มของสหรัฐโอเปคเตือนวิกฤติซับไพร์มทำให้การบริโภคน้ำมันลดลง ด้านธนาคารกลางมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เข้าแทรกแซงตลาด เร่งขายดอลลาร์อุ้มค่าเงินในประเทศที่ร่วงหนัก  หุ้นทั่วเอเชียร่วงกราวรูด ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับปัญหาสินเชื่อสหรัฐ  ผู้ส่งออกไทยมั่นใจประเทศยักษ์ใหญ่ร่วมแก้วิกฤติไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่แตก
          - ธนาคารเจ้าหนี้ เผยหลังจากปิดสัญญาเงินกู้ 2.6 หมื่นล้านบาท ใน 3 ปีแรกสิ้นเดือน ต.ค.นี้แล้ว ธนาคารคงไม่กล้าเข้าร่วมโครงการปล่อยกู้โครงการระบบขนส่งทางรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตลิงก์)อีก เพราะเห็นว่ามีความเสี่ยงทางด้านนโยบายและการเมือง
          - ปตท.ขอปรับราคา เอ็นจีวีต้นปีหน้า เป็น 10 บาท/กก. อ้างรับภาระมามากแล้วกว่า 500 ล้านบาท 
          - ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยขณะนี้นักลงทุนต่างชาตินำเงินออกนอกประเทศแล้วประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของมูลค่าหุ้นที่ต่างชาติเทขายออกมาต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1-14 ส.ค. 2550 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้วประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท
          - คลังลดเพดานเงินกู้ต่างประเทศ ปี 2551 เหลือ 800 ล้านดอลลาร์ หวังส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ เน้นกู้ในประเทศช่วยลดแรงกดดันค่าเงินบาท ขณะที่ สบน.เผยแผนบริหารหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ 2551 ในวงเงิน 9.7 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ใหม่ 3.5 แสนล้านบาท และบริหารหนี้ 6.2 แสนล้านบาท