ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,216.95 จุด เพิ่มขึ้น 8.00 จุด (+0.66%) มูลค่าการซื้อขายราว 26,855.38 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุดที่ 1,217.88 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,205.88 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบตามดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงและเช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สยังติดลบ หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ออกมา อีกทั้งสหรัฐและยุโรปเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ถล่มจึงวิตกจะกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ส่วนตลาดบ้านเราเริ่มเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาตั้งแต่บ่ายวานนี้ หลังการชุมนุมทางการเมืองดูเงียบๆ ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนนกล้ากลับมาซื้อ โดยเฉพาะหุ้นที่ปรับตัวลงไปมากแล้วอย่างกลุ่มแบงก์ ขณะที่หลายคนเริ่มประเมินดัชนีฯบริเวณ 1,200 จุดเป็นจุดที่เริ่มน่าซื้อเก็บ และมองตลาดมี Downside ไม่มากแล้ว เช้านี้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ก.ย.63 ถือว่าออกมาดี แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตเริ่มดีขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดไตรมาส 3/63 ต่อไป และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/63 ของทั้งสหรัฐและยุโรปที่จะทยอยออกมา ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนสามารถเทรดดิ้ง และทยอยเก็บหุ้นได้
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายมงคล กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,210 จุด ส่วนแนวต้าน 1,220 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCGP มูลค่าการซื้อขาย 1,002.72 ล้านบาท ปิดที่ 35.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 960.24 ล้านบาท ปิดที่ 53.50 บาท ลดลง 0.75 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 700.06 ล้านบาท ปิดที่ 97.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาทKBANK มูลค่าการซื้อขาย 654.66 ล้านบาท ปิดที่ 75.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
STARK มูลค่าการซื้อขาย 645.24 ล้านบาท ปิดที่ 1.52 บาท ลดลง 0.40 บาท