TNP มั่นใจรายได้ปี 63 โตตามเป้า ยอดขายโค้งสุดท้ายดีต่อรับแผนกระตุ้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 29, 2020 15:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนพิริยะ (TNP) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปี 63 จะเติบโตตามเป้าหมาย 10-15% จาก 1,960 ล้านบาทในปีก่อน และยังรักษาความสามารถในการทำกำไรที่ดีต่อเนื่อง จากแนวโน้มธุรกิจในโค้งสุดท้ายของปี 2563 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รับไฮซีซั่นธุรกิจ และการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือโครงการคนละครึ่ง ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยโครงการดังกล่าวจะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม

นอกจากนี้การที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติขยายโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ไปจนถึง 31 ม.ค.64 พร้อมปลดล็อกให้ใช้ในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ประกอบกับเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวของภาคเหนือก็คาดว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปกติ รวมถึงจังหวัดเชียงราย นับเป็น 1 ในจังหวัดที่ได้รับความนิยมสำหรับการท่องเที่ยว ก็น่าจะส่งผลให้มีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภค บริโภคอย่างคึกคัก

ปัจจุบัน ธนพิริยะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 30 สาขา ได้แก่ จังหวัดเชียงราย 24 สาขา จังหวัดพะเยา 4 สาขา และจังหวัดเชียงใหม่ 2 สาขา พร้อมหาสินค้าใหม่เข้ามาจำหน่าย โดยเฉพาะสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้ามาร์จิ้นสูง จากการร่วมมือกับพันธมิตรนำสินค้าเข้ามาจำหน่าย

นายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ TNP กล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน 1,580.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.47% เป็นผลมาจากยอดขายในช่วงปลายเดือนมี.ค.63 เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการซื้อสินค้าล่วงหน้าของผู้บริโภค เนื่องจากการประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินของภาครัฐบาล ตลอดถึงการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จากสิ้นปี 62 มี 27 สาขา ปัจจุบันมีจำนวน 30 สาขา

สำหรับงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 256.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 16.22% และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 89.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 5.65%

สำหรับงวดไตรมาส 3/63 บริษัทมีรายได้จากการขาย 518.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.47% มีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 85.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 20.32% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 16.56% เป็นผลจากการขยายสาขาเพิ่ม และยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประกอบกับการได้รับค่าสนับสนุนการขายจากผู้จำหน่าย ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทมีการเติบโตของยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีกำไรสุทธิ 30.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.83% จากงวดเดียวกันของปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ