ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพรม์ แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางของประเทศอื่นๆได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการธนาคารในประเทศของตนเพิ่มขึ้นก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับลง 3.01 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 13,236.53 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.72 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 1,452.92 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 2.65 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 2,542.24 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.72 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 17 ต่อ 16 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.23 พันล้านหุ้น
หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการได้ไม่นาน คณะกรรมการเฟดได้ประกาศเพิ่มเงินสำรองชั่วคราวอีก 2 พันล้านดอลลาร์ และกล่าวว่าเฟดเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินสดเข้าสู่ระดับบการธนาคารมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรปได้อัดฉีดเงินสู่ระบบธนาคารเพิ่มขึ้นแล้ว
นายไมเคิล แบร์รอน นักวิเคราะห์จากบริษัทน็อท แคปิตอลกล่าวว่า "ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ในช่วงนี้ไม่ธรรมดา เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกพร้อมใจกันอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการธนาคารเพิ่มขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดที่นักลงทุนควรทำในเวลานี้คือจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐอย่างใกล้ชิด"
ในช่วงเช้านั้นตลาดดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก หลังจากวาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์ประกาศมาตรการช่วยเหลือมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ให้กับเฮดจ์ฟันด์ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในตลาดซับไพรม์ แต่ต่อมาตลาดได้อ่อนตัวลงเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลในเรื่องนี้ และฉุดหุ้นหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.7%
ทั้งนี้ หุ้นแอ็คเครดิท โฮม เลนเดอร์ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติซับไพรม์ ดิ่งลงรุนแรงถึง 34.6%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--