นายวีรพัฒน์ เพชรคุปต์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บมจ.เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง (WGE) เปิดเผยว่า มีความมั่นใจว่าเมื่อหุ้น WGE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันพรุ่งนี้ (3 พ.ย.) จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก หลังช่วงที่เปิดเสนอขายหุ้นนั้นมีปรากฎการณ์ที่น่าตื่นเต้นมาก เนื่องจากกระแสความต้องการหุ้น WGE มีมากกว่าจำนวนที่จัดสรรหลายเท่าตัว
"จากความต้องการที่ล้นหลามครั้งนี้ นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ WGE แล้ว อีกประเด็นสำคัญน่าจะเป็นเรื่องของการกำหนดราคาขายที่ 2.30 บาท/หุ้น มีส่วนลดจากราคาเหมาะสมที่โบรกเกอร์ประเมินเอาไว้อยู่ในช่วง 3.30-3.93 บาท จึงถือเป็นระดับราคาขายที่จูงใจอย่างมาก"นายวีรพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ WGE เสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
นายสัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้น IPO ของ WGE กล่าวว่า WGE จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่มีลูกค้ากระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรม จึงทำให้มีความคล่องตัวในการทำงานสูงมาก รวมทั้งมีการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้ดี ขณะเดียวกันมีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากมีทีมงานวิศวกรที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญยาวนานกว่า 10 ปี
นอกจากนี้ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับ ดังนั้นจึงทำให้มีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงงานโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ทั้งรายได้และกำไรในอนาคตเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นายเกรียงศักดิ์ บัวนุ่ม ประธานกรรมการบริหาร ของ WGE กล่าวว่า ความโดดเด่นของ WGE คือทีมงานซึ่งล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีไฟในการทำงานอย่างยิ่ง พร้อมที่จะทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่ง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต ณ ครึ่งปีแรกนี้บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) อยู่ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท และปัจจุบันยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงครึ่งปีหลังมีงานที่จะเข้าร่วมประมูลอีกราว 4-5 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตได้ในระยะยาว
เมื่อหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น เนื่องจากที่ผ่านมากระแสตอบรับจากการโรดโชว์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มีนักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันเมื่อเปิดให้จองซื้อหุ้นก็มีความต้องการเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่ออนาคตของบริษัท และเชื่อว่าจะมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง ตามแนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างของไทย
"การเข้าจดทะเบียนในSET จะช่วยให้บริษัทฯมีฐานทุนเพิ่มขึ้น สามารถรับงานได้มากขึ้น และได้รับการยอมรับจากลูกค้าทำให้ขยายช่องทางในการรับงานที่มีความหลากหลายมากขึ้น ขณะที่มีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ทำให้ความสามารถในการสร้างรายได้ และกำไรสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ"นายเกรียงศักดิ์ กล่าว