นางชนมาศ ศาสนนันทน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงิน บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดปริมาณขายปิโตรเลียมปี 64 ไม่ต่ำกว่าปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ระดับ 350,000 บาร์เรลต่อวัน จากปริมาณผลิตใหม่ที่เข้ามาเพิ่มเติม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการซาบาห์ เอช ประเทศมาเลเซีย ที่จะเริ่มจ่ายก๊าซธรรมชาติเข้าสู่ระบบและจะเพิ่มกำลังการผลิตให้กับบริษัทอีกประมาณ 6,000-7,000 บาร์เรลต่อวัน และโครงการฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ในแอลจีเรียเฟสแรก ซึ่งมีปริมาณผลิตรวม 10,000-13,000 บาร์เรลต่อวัน แต่คาดว่าจะรับรู้ในปีหน้าเบื้องต้นประมาณ 5,000-6,000 บาร์เรลต่อวัน
สำหรับการเปลี่ยนผ่านสิทธิการดำเนินการของโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ) และโครงการ จี 2/61 (แหล่งบงกช) นั้นขณะนี้การดำเนินงานยังคงเป็นไปตามแผนได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของแหล่งบงกช คาดว่าจะวางแท่นขุดเจาะได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และแหล่งเอราวัณอยู่ระหว่างการเจรจาการส่งมอบพื้นที่กับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ซึ่งแม้จะล่าช้าออกไปบ้าง แต่คาดว่าจะสามารถเดินหน้าได้ตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ที่มีไว้กับรัฐบาลในปี 65-66
ส่วนทิศทางราคาน้ำมันดิบในช่วงไตรมาส 4/63 บริษัทประเมินว่าจะอยู่ที่ระดับ 40-45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 3/63 ที่เฉลี่ยอยู่ระดับ 38.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แม้ปัจจุบันราคาน้ำมันจะไหลลงมาที่ระดับ 40-42 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ประกอบกับต้องจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าอาจมีการพิจารณายืดระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตในระดับ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไป จากเดิมจะสิ้นสุดในสิ้นปี 63 ก่อนที่จะลดกำลังการผลิตเหลือระดับ 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนม.ค.64 รวมถึงต้องติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐที่อาจมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันด้วย
นางชนมาศ กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการ Gas to Power ในประเทศเมียนมา ที่มีเป้าหมายจะสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ขนาด 600 เมกะวัตต์ (MW) นั้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนและได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลเมียนมาภายในปลายปีนี้ หลังจากที่มีการเจรจาอย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลเมียนมาในช่วงที่ผ่านมา