หุ้น TU พุ่งขึ้น 4.03% มาที่ 15.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 580.67 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.45 น. ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 14.90 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 15.60 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 14.90 บาท
บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 มีกำไรสุทธิ 2,056 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น ที่ 0.42 บาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 1,374 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 0.29 บาทในไตรมาส 3/62 ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 4,789 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.96 บาท
ทั้งนี้ ผลกำไรสุทธิไตรมาส 3/63 สูงถึงระดับ 2,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ เป็นผลจากการเติบโตของยอดขายในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 9.3% จากงวดปีก่อน มาอยู่ที่ 34,784 ล้านบาท จากทุกธุรกิจหลักเติบโต ขณะที่กลุ่มสินค้าธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปยังรายงานยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งได้พลิกฟื้นกลับมารายงานยอดขายเติบโตกว่า 4.7% เนื่องจากธุรกิจร้านอาหารได้กลับมาเปิดร้าน ค่าเงินบาทอ่อนตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ส่งผลให้ยอดขาย 9 เดือนแรกของปี 63 ปรับเพิ่มขึ้น 5.9% มาอยู่ที่ 98,938 ล้านบาท
ด้านกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.2% เพิ่มขึ้น 2.25% จากงวดปีก่อน เนื่องจากยอดขายสินค้าแบรนด์ที่มีอัตรากำไรสูงปรับเพิ่มขึ้น และการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น บริษัทรายงานตัวเลขกำไรขั้นต้นไตรมาส 3/63 ที่ 6,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.6% จากปีก่อนหน้า โดยกำไรขั้นต้น 9 เดือนแรกของปี 63 เพิ่มขึ้น 17.4%
บริษัทรายงานกำไรจากการดำเนินงาน 1,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรขั้นต้นที่ปรับสูงขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 12.4% เมื่อเทียบกับ 11.2% ในไตรมาส 3/62 ค่าใช้จ่ายการบริหารที่ปรับสูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการตั้งสำรองการเสื่อมมูลค่าของเงินลงทุนในบริษัทในเครือ TU Canada อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 63 อยู่ที่ 5,883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.3% จากงวดปีก่อน
กำไรสุทธิในไตรมาส 3/63 ที่ทำได้ระดับ 2,056 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 50% จากงวดปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจหลักแข็งแกร่ง ขณะที่กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 4,789 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74% จากงวดปีก่อน และหากแยกค่าใช้จ่ายทางกฎหมายในไตรมาส 2/62 ออกกำไรสุทธิ 9 เดือนยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน