นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้ว 5.3 พันล้านบาท ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมายของบริษัทตั้งไว้ 6.2 พันล้านบาท โดยที่ยอดขายของบริษัทถือว่าทำได้จากโครงการแนวราบ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าหลักของบริษัทที่มีขายในปัจจุบัน จากพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ทำให้โครงการแนวราบได้รับความนิยมและเติบโตขึ้น ประกอบกับบริษัทพัฒนาโครงการที่จับกลุ่มลูกค้า Real Demand ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้รับปัจจัยหนุนช่วยผลักดันยอดขาย
อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่เผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะคลี่คลายลง ขณะที่ในต่างประเทศมีการกลับมาระบาดรอบสองอีกครั้ง เป็นปัจจัยกดดันต่อแผนการเปิดโครงการใหม่ที่เหลือในช่วง 2 เดือนสุดท้าย (พ.ย.-ธ.ค. 63) ค่อนข้างมาก เพราะภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ไนปัจจุบันถือว่ายังไม่เห็นภาพที่ฟื้นกลับมาชัดเจน หลังข้อมูลจดทะเบียนที่อยู่อาศัยใหม่จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ในช่วง 8 เดือน ยังพบว่า -10% สะท้อนภาพการชะลอตัวของตลาดอย่างต่อเนื่อง และตลาดแนวราบคาดว่าจะ -10% ใกล้เคียงกับตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่มองว่าจะ -7 ถึง -8%
นายชูรัชฏ์ กล่าวถึงยอดโอนในปี 63 ว่า ยังมั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5.25 พันล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 15% จากปีก่อน โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ราว 1.2 พันล้านบาทเข้ามาเสริม ช่วยผลักดันยอดโอนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ แต่ในภาพรวมของผลงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ายังทำได้ดีและยังเห็นทิศทางการเติบโตขึ้น ซึ่งมาจากการโอนโครงการแนวราบเป็นหลัก ที่ลูกค้าให้ความสนใจและมีการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านการกู้สินเชื่อของลูกค้ายอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 26-30% จากเดิมที่ 18-20% หลังจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กระทบต่อภาคธุรกิจและรายได้ของคนที่ลดลง และสถาบันการเงินต่างระมัดระวังการให้สินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคส่งออก กลุ่มท่องเที่ยว เป็นต้นทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ แต่บริษัทก็ได้มีการให้คำปรึกษากับลูกค้าในการเตรียมตัว เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถกู้ซื้อบ้านได้ แต่มองว่าปัจจัยดังกล่าวยังไม่เป็นความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อยอดโอนของบริษัท เพราะยังมีลูกค้าที่เข้ามาซื้อโครงการต่อเนื่อง หากลูกค้าบางรายไม่สามารถกู้ซื้อบ้านได้
ขณะที่ ในจลาดอสังหาฯ ผู้ประกอบการยังถือว่ายังแข่งขันรุนแรง จากการลดราคาขายโครงการที่เป็นสต็อกและโครงการที่กำลังสร้างเสร็จเตรียมโอน ทำให้การขายโครงการเปิดตัวใหม่อาจจะได้รับผลกระทบด้านยอดขายไปบ้าง ประกอบกับกลุ่มลูกค้าบางอาชีพในบางจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นกลุ่มที่เข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้น ทำให้บริษัทยังรอดูสถานการณ์ของตลาดอีกครั้งในการพิจารณาจะเปิดอีก 2-4 โครงการที่เหลือในปีนี้ มูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านบาทหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 7 โครงการ มูลค่ารวม 5.4 พันล้านบาท จากแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้งปี 9-11 โครงการ มูลค่ารวม 6 พันล้านบาท
หลังจากล่าสุดได้เปิด 2 โครงการฝั่งกรุงเทพฯตะวันตก ประกอบด้วย โครงการลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่ มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท รวม 457 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปนิกชื่อดังชาวฝรั่งเศส เลอ กอร์บูซีเย (Le Corbusier) กับแนวคิด Modern Geometry ที่เน้นฟังก์ชั่นหรือการใช้งาน" เป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบบ้าน ให้สามารถใช้สอยพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างแท้จริง และ Le Modular หรือหลักความสอดคล้องของสัดส่วนมนุษย์ (Human Scale)ในการจัดสรรพื้นที่ให้เพียงพอ
ส่วนโครงการไลโอ บลิสซ์ วงแหวน-ปิ่นเกล้า (พระราม 5) มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท รวม 283 ยูนิต กับการเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมเฟสใหม่ใกล้คลับเฮ้าส์ ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท ซึ่งออกแบบด้วยหลักการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและที่อยู่อาศัยให้ตอบรับทุกความต้องการของชีวิตคนเมือง ขยายพื้นที่ความสุขให้กว้างยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่ 4 ห้องนอนที่มี Master Bedroom ขนาดใหญ่ 2 ห้องน้ำ พร้อมที่จอดรถ 2 คัน ทั้งนี้ยังสามารถปรับฟังก์ชั่นห้องด้านล่าง ให้มาเป็นห้องเอนกประสงค์ สามารถใช้ในการ Work From home แบบส่วนตัวได้เช่นกัน โดยสามารถพักผ่อนไปกับพื้นที่สีเขียวด้วยสวนธรรมชาติบำบัด (Naturopathy) และโมเดิร์นคลับเฮ้าส์ โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพให้การเชื่อมต่อทุกการเดินทางสู่ใจกลางเมืองได้ง่าย
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมโปรโมชั่นพิเศษ มหกรรมแจกใหญ่ท้ายปี สำหรับโครงการลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่ และโครงการไลโอ บลิสซ์ วงแหวน-ปิ่นเกล้า (พระราม 5) เพียงจองภายในวันที่ 14-15 พ.ย.นี้อยู่ฟรี แถมเฟอร์นิเจอร์ และไอโฟน 12 สำหรับลูกค้าที่กู้ได้ 100% โดยที่บริษัทได้หันมาเน้นการขายโครงการแนวราบในโซนกรุงเทพฯตะวันตก เพราะปัจจุบันคนทำงาน เจ้าของธุรกิจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และข้าราชการส่วนใหญ่ที่ทำงานในพื้นที่กรุงเทพฯ เริ่มขยับขยายในการมองหาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพและปริมณฑลฝั่งตะวันตกเพิ่มมากขึ้น รวมถึงคนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ก็ยังคุ้นชินกับการหาที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ในย่านนี้เช่นกัน ส่งผลให้โซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกต้นๆของการซื้อบ้านหลังใหม่ในปัจจุบัน ทำให้เป็นโอกาสของการขายโครงการแนวราบในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้