SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,222.44 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด (+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย 49,807.92 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนทั้งในแดนบวกและลบ รอความชัดเจนผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ล่าสุดยังไม่แน่นอนและอาจล่าช้า หลังคะแนนยังสูสี หลัง "ทรัมป์" จ่อขอศาลแทรกแซงการนับคะแนน ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนขายลดเสี่ยง ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้ยังเกาะติดผลเลือกตั้งสหรัฐเป็นปัจจัยหลัก พร้อมให้แนวรับ 1,215 จุดและแนวต้าน 1,231 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,222.44 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด (+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย 49,807.92 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,231.05 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,214.49 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 487 หลักทรัพย์ ลดลง 908 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 521 หลักทรัพย์
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน ระหว่างรอความชัดเจนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และนักลงทุนบางส่วนขายทำกำไรออกมาก่อน เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ดีดตัวขึ้นช่วง 2 วันก่อนหน้านี้ ตอบรับเชิงบวกจากคาดการณ์ว่านายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จากพรรคเดโมแครตจะคว้าชัยชนะ และพรรคเดโมแครตจะสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำให้สามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม การนับคะแนนล่าสุดกว่า 85% ปรากฎว่านายไบเดน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง จากพรรครีพับลิกัน มีคะแนนสูสีกันมาก โดยเฉพาะในรัฐ swing state ทำให้ตลาดเริ่มไม่มั่นใจ ประกอบกับนายทรัมป์แถลงอ้างชัยชนะแม้ว่าการนับคะแนนยังไม่แล้วเสร็จ พร้อมทั้งประกาศว่าจะไปศาลสูงสุดเพื่อยุติการนับคะแนนเพราะเชื่อว่าถูกโกง โดยความไม่ชัดเจนดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นยุโรปเปิดช่วงบ่ายนี้ร่วงลงกว่า 1%
ส่วนปัจจัยภายในประเทศยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก โดยเฉพาะประเด็นทางการเมือง ส่วนการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/63 ของบริษัทจดทะเบียนทั้ง บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) และ บมจ.ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) ที่ออกมาดี ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาบ้าง
สำหรับแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ (5 พ.ย.) ยังต้องขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยกรณีที่ดีที่สุดผลการเลือกตั้งออกมาชัดเจน ไม่ว่านายไบเดน หรือนายทรัมป์ เป็นผู้ชนะ และได้คะแนนเสียงข้างมากทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ก็จะสามารถผลักดันนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจให้ออกมาได้อย่างราบรื่นไม่เหมือนปัจจุบัน แต่ในทางตรงข้ามหากผลการเลือกตั้งไม่มีความชัดเจน และมีแนวโน้มที่อาจจะต้องไปสู่ศาลฯก็อาจจะทำให้ภาพตลาดไม่ดีนัก
โดยให้แนวรับเบื้องต้นที่ 1,215 จุด และแนวต้านที่ 1,231 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,647.91 ล้านบาท ปิดที่ 55.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,482.17 ล้านบาท ปิดที่ 32.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,458.20 ล้านบาท ปิดที่ 76.75 บาท ลดลง 1.25 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,350.23 ล้านบาท ปิดที่ 194.00 บาท เพิ่มขึ้น 15.00 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,284.10 ล้านบาท ปิดที่ 23.70 บาท ลดลง 0.20 บาท