นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ รองประธานคณะกรรมการบริษัท ประธานคณะผู้บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า บริษัทหวังว่าการที่หุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันพรุ่งนี้ (5 พ.ย.) จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากมีความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทและจากประสบการณ์การทำงานในธุรกิจนี้ที่มีมาอย่างยาวนาน
หลังจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ บริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้มาใช้ขยายงานให้บริการโลจิสติกส์ ครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ อย่างเช่น โครงการ Leo Self Storage & E-Fulfillment จำนวน 2 โครงการ การพัฒนาระบบขนส่งผ่านแดนไปยังประเทศเมียนมา การขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และเป็นเงินทุนในการเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มอาเซียน ที่เหลือจากการระดมทุนจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์
"การเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัทมีความตั้งใจอยากให้หุ้น LEO เป็นหุ้นบลูชิพ (Blue Chip Stock) ที่มีความมั่นคงและมีความเสี่ยงต่ำ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง ด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทย พร้อมตั้งเป้าให้เป็นหุ้นเติบโตเร็ว (Growth Stock) และมีเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทแม่ ไม่ต่ำกว่า 40%"นายเกตติวิทย์ กล่าว
นายเกตติวิทย์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้หารือกับนักลงทุนที่ซื้อหุ้นของบริษัท ส่วนใหญ่ยืนยันว่าการเข้าลงทุนครั้งนี้จะเป็นการลงทุนระยะยาว ขณะที่บริษัทเป็นผู้ให้บริการด้านการขนส่งที่เน้นตลาดที่การแข่งขันไม่สูง และมีโอกาสในการเติบโตสูงครอบคลุม 190 ประเทศทั่วโลก
สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปีนี้เชื่อว่าจะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่อาจจะได้รับผลกระทบบ้างในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ปัจจุบันการขนส่งกลับมาเหมือนกับช่วงระยะเวลาปกติแล้ว โดยทุกปีบริษัทจะตั้งเป้ากำไรขั้นต้นเติบโตในระดับ 12-15% ต่อปี นอกจากนี้ หลังจากที่ได้เงินจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จะทำให้บริษัทสามารถขยายการเติบโตได้มากขึ้น และมีโอกาสในการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากการเข้าซื้อกิจการ (M&A)
"ปกติทั่วไปบริษัทอื่น ๆ ตั้งเป้าการเติบโตที่รายได้ แต่เราตั้งเป้าการเติบโตที่กำไรขั้นต้นที่จะสะท้อนการเติบโตและการทำกำไรได้มากกว่า เพราะรายได้จะมีการปรับตัวขึ้นลงตามค่าระวาง แต่การให้บริการแบบเราเราจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่แน่นอนในระดับ 26-28% อยู่แล้ว"นายเกตติวิทย์ กล่าว
ด้านนายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการอำนวยการ กลุ่มบล.ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน รวมทั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ LEO กล่าวว่า หุ้น LEO ที่จะเข้าซื้อขายใน mai วันพรุ่งนี้เป็นวันแรก คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และจากประสบการณ์การให้บริการในด้านโลจิสติกส์ของบริษัท ที่มีมากกว่า 29 ปี โดยสะท้อนให้เห็นจากราคาหุ้นที่มีความเหมาะสม ที่ 3.42 บาท
ทั้งนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจให้เติบโต ในอุตสาหกรรมการให้บริการโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
"คาดว่าการเทรดในตลาด mai ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ หุ้น LEO จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากปัจจัยบวกต่างๆ เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ, การเปิด AEC, EEC รวมทั้งการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักกลุ่มหนึ่ง ทำให้บริษัทมีโอกาสที่ดี ที่จะเติบโตในอนาคต โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้ในการขยายช่องทางการดำเนินธุรกิจ เพื่อพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต"นายชาญชัย กล่าว
LEO เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3.42 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 410.40 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,094.40 ล้านบาท