นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 63 ยังคงเติบโต เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,297.59 ล้านบาท แต่ยอมรับว่ารายได้ปีนี้พลาดเป้าหมายที่วางไว้ 10,056 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ส่วนยอดขาย (Presale) ในปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายที่ 8,424 ล้านบาท หลังจาก 10 เดือนแรกมมียอดขายรวมแล้วประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีการปรับลดการเปิดตัวโครงการใหม่เหลือ 7 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 4,000 ล้านบาท (เป็นโครงการร่วมทุน 1 โครงการ) หลังจากเกิดผลกระทบดังกล่าว จากแผนเดิม 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,500 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาเปิดโครงการไปแล้ว 4 โครงการ และมีแผนจะเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่า 1,800 ล้านบาท ในเดือน พ.ย.นี้ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท/ยูนิต 2 โครงการ และโครงการทาวน์โฮม 1 โครงการ
ทั้งนี้ ถือเป็นการกลับมาเปิดโครงการทาวน์โฮมในรอบ 10 ปี ภายใต้แบรนด์ใหม่ เสนา วีว่า เพชรเกษม-พุทธมณฑล สาย 7 มูลค่าโครงการรวม 420 ล้านบาท โดยเตรียมเปิดขายรอบพรีเซลล์ในวันที่ 14-15 พ.ย.นี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าพร้อมขายแล้ว 20 ยูนิต มูลค่ารวม 100 ล้านบาท คาดหวังว่าจะสามารถขายได้ทั้งหมดในวันพรีเซลล์
นางสาวเกษรา กล่าวว่า การกลับมาเปิดทาวน์โฮมครั้งนี้ SENA เล็งเห็นว่า ตลาดดังกล่าวยังมีช่องว่างที่ยังสามารถทำได้ และมีความเชื่อมั่นในสินค้าของเสนา ว่าจะแตกต่าง และตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการอยู่อาศัย ผ่านแนวคิด Made From Her "ถ้าผู้หญิงอยู่สบาย ผู้ชายก็แฮปปี้" ที่ถูกถ่ายทอดและต่อยอดมาสู่ Made From Her ในปี 63 "ถ้าคิดละเอียดกว่า ก็อยู่สบายกว่า" ซึ่งนำมาเป็นวิธีคิดในการพัฒนาโครงการ การออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานภายในที่อยู่อาศัย และการบริการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเป็นที่มาของการสร้างความแตกต่างจนกลายเป็นจุดขายของเสนา
ประกอบด้วย 3 จุดเด่น 1.SENA 360 แอปพลิเคชั่น การบริการพิเศษผ่านแอปพลิเคชั่นที่ช่วยลูกบ้านจัดการทุกเรื่องของการอยู่อาศัยได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น 2.SENA Solar ทุกโครงการของเสนามีการติดตั้งแผงโซลาร์ให้กับบ้านทุกหลัง และ พื้นที่ส่วนกลางของคอนโดมิเนียมทุกแห่ง เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยกันรักษ์โลกอย่างสร้างสรรค์ด้วย 3.การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านตาม แนวคิด Made From Her
นางสาวเกษรา กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/63 คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/63 ที่มีรายได้รวม 1,029.50 ล้านบาท และจะดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ ประกอบกับการทำแคมเปญทางการตลาดส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทจะประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เพื่ออนุมัติงบไตรมาส 3/63 ในวันที่ 13 พ.ย.63
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 ก็น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 เนื่องจากมียอดขายรอโอน (Backlog) รองรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มี Backlog รวม 12,000 ล้านบาท และบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ เสนา วีว่า อีก จำนวน 1 โครงการ ซึ่งจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันทีหลังการขาย อีกทั้งยังมีสินค้าพร้อมโอน (Inventory) ในมืออีกประมาณ 2,000-3,000 ยูนิต รองรับการขายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 64 คาดว่ายอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีนี้ แม้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า ที่คาดจะกลับมาเติบโตได้ 4% จากปีนี้ -14% ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ที่ปรับตัวดีขึ้น จากฐานที่ต่ำในปีนี้ แต่ก็ยังคงมีปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจส่งต่ออัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection rate) มีมากขึ้น จากปัจจุบันในภาพรวมมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ 30%
รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่มีวัคซีน ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่น่าจะยังกดดันภาพรวมเศรษฐกิจอยู่ แม้จะมีการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยได้ แต่ก็ยังไม่สามารถกลับมาเท่ากับช่วงก่อนโควิด-19 หรือปี 62 ได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังคงมุ่งเน้นการทำในสิ่งที่ถนัด มีความเชี่ยวชาญ และระมัดระวังการลงทุน หรือบริหารกระแสเงินสดให้อยู่ในระดับที่ดี ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีกระแสเงินสดในมือ พร้อมรองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อยู่ราว 1,000 ล้านบาท
ขณะที่แผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 64 เบื้องต้น คาดว่าจะเปิดมากกว่า 10 โครงการ โดยจะเป็น คอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท และเตรียมเปิดโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ 4 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ เสนา วิลเลจ บ้านแฝด, เสนา วิลล์ บ้านแฝดสไตล์บ้านเดี่ยว, เสนา เวล่า ทาวน์โฮมสไตล์บ้านแฝด, เสนา วีว่า ทาวน์โฮม เป็นต้น
โครงการใหม่จะเน้นทำเลชานเมืองเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการซื้ออยู่อาศัยใกล้แหล่งงาน และจากการขยายโครงการระบบขนส่งมวลชนรอบ กทม.ทั้งถนนและรถไฟฟ้าที่ทำให้การเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้ง่ายขึ้น อีกทั้ง การขยายตัวของสิ่งอำนวยความสะดวก ห้างสรรพสินค้าที่ไม่กระจุกตัวอยู่แต่ในตัวเมืองชั้นในเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ที่อยู่อาศัยในแถบชานเมืองมีความต้องการมากขึ้น