หุ้น LEO ปิดเทรดวันแรกที่ 3.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท (+2.34%) จากราคาขาย IPO 3.42 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 681.72 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.68 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.74 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.46 บาท
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) คาดว่า ปีนี้น่าจะรักษาผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าที่ได้คาดการณ์ไว้ และพร้อมที่จะพัฒนาบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
"หุ้น LEO ถือว่าเป็นหุ้นนิวนอร์มอลที่มีโอกาสทางธุรกิจสูง เนื่องจากวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 คนหันมาใช้บริการสั่งสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ถือว่าเป็นผลดีทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ ในฐานะผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่มีเครือข่ายทั่วมากกว่า 190 ประเทศ สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ พร้อมช่วยผลักดันให้ภาพรวมรายได้และกำไรบริษัทฯเติบโตตามไปด้วย"นายเกตติวิทย์ กล่าว
ด้านนายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการอำนวยการ กลุ่มบล.ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน รวมทั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ LEO คาดว่า บริษัทฯ จะใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ประมาณ 410 ล้านบาท ไปลงทุนธุรกิจ Leo Self-Storage & E-Fulfillment Center จำนวน 2 โครงการ ซึ่งใช้งบประมาณ 80 ล้านบาท ภายในปี 2565 พัฒนาระบบขนส่งผ่านแดนไปยังประเทศเมียนมางบประมาณ 10 ล้านบาท ภายในปี 2565 ขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ ใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท ภายในปี 2565
รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ และเงินทุนในการเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ (Mergers and Acquisitions : M&A) ทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN) ประมาณ 239 ล้านบาท ภายในปี 2564 การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ของ LEO ในครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันมากขึ้น และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งผลักดันให้ธุรกิจบริษัทเติบโตต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน โดยมั่นใจว่า LEO จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีศักยภาพและให้ผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน
สำหรับบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ LEO เทียบกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันได้เช่น บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) , บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC) มี PER ปัจจุบันที่ 16-26 เท่าจะคิดเป็นมูลค่าที่เหมาะสมของ LEO ราว 3.02 ? 3.78 บาท โดยมองว่าธุรกิจของ LEO เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตดีในอนาคตจากความต้องการ Logistic ที่เพิ่มขึ้นในโลกสมัยใหม่ แต่อย่างไรก็ตามในเชิงการประเมินมูลค่ามีอัพไซด์ที่ค่อนข้างจำกัดเป็นปัจจัยลบต่อความน่าสนใจการลงทุน
บริษัทฯเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์สัญชาติไทยที่ให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั่วโลก โดยธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งการนำเข้าและส่งออก โดยการขนส่งทางทะเลทั้งแบบเต็มตู้ และแบบไม่เต็มตู้ และทางอากาศ นอกจากการเป็นผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแล้ว บริษัทฯ ยังมีผลิตภัณฑ์และการบริการอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการให้บริการโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าของบริษัทฯ ให้ครบวงจร เช่น การให้บริการด้านพิธีการศุลกากร การรับจัดการขนส่งสินค้าทางบกด้วยรถบรรทุกและรถบรรทุกหัวลาก บริการจัดหาประกันภัยสินค้า บริการบรรจุหีบห่อสินค้า บริการรับจัดเก็บและกระจายสินค้า การรับขนส่งสินค้าโครงการและสินค้าขนาดใหญ่ และการรับขนส่งพัสดุและเอกสารเร่งด่วนระหว่างประเทศ เป็นต้น