SPCG ตั้งงบ 5 ปี (64-68) 1 หมื่นลบ.รับแผนขยายผลิตไฟฟ้า 1 พันMW ในปี 68

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 6, 2020 12:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมองหาการลงทุนโครงการใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท โดยจะเน้นไปที่พลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก ทั้งนี้ ได้ตั้งงบลงทุน 5 ปี (ปี 64-68) ไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับโครงการด้านพลังงานของบริษัทในอนาคต โดยได้ตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2568 จะมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์ (MW) และภายในปี 2580 ไม่ต่ำกว่า 3,000 เมกะวัตต์

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,184.5 ล้านบาท ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 684.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 575.2 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวม 3,813.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม จำนวน 2,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,923 ล้านบาท

รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์ฟาร์ม ทั้ง 36 โครงการ รวมกำลังการผลิตกว่า 260 เมกะวัตต์ ที่ในงวด 9 เดือนนี้ จำนวนกระแสไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายได้จากทั้ง 36 โครงการ มีจำนวน 292.7 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับ บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ SPR (บริษัทในเครือ SPCG) ผู้นำด้านการออกแบบและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Power Roof System) มีรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทเดินหน้าขยายการติดตั้งอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการติดตั้งไปแล้วกว่า 100 เมกะวัตต์ โดยบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการตลาดและกลยุทธ์ในการขายอยู่ตลอด เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและทางเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มอาคารพาณิชย์ และ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ที่ยังคงให้การตอบรับเป็นอย่างดี เพราะเมื่อลูกค้าติดตั้งระบบโซลาร์รูฟของบริษัทแล้ว ต่างเห็นผลลัพธ์ที่ดี สามารถลดค่าไฟได้ทันทีเมื่อติดตั้ง อีกทั้งช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ทำให้กิจการของลูกค้ามีกำไรเพิ่มขึ้น

อีกทั้งปีนี้บริษัทมีนโยบายการบริหารจัดการต้นทุนด้านต่าง ๆ และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยในปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าของโครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตรวม 480 เมกะวัตต์ ที่เป็นการร่วมทุนของ 8 บริษัท ได้แก่ มีผู้ร่วมลงทุนได้แก่ Kyocera Corporation, Kyudenko Corporation, Tokyo Century Corporation, Furukawa Electric Company Limited และ Tsuboi Corporation งบการลงทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท ตอนนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการดังกล่าวจะได้รับอัตรารับซื้อไฟฟ้า Feed-In tariff (FiT) ที่ 40 เยนต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 17 ปี 3 เดือน โดยจะทำการขายไฟให้แก่บริษัท Kyushu Electric Power Co, Inc.

โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เคยมีมา ซึ่งบริษัทถือหุ้น 17.92% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 9,000,000,000 เยน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) และสามารถรับรู้รายได้ในช่วงกลางปี 2566 เป็นต้นไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ