นางสาววรรณี จันทามงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจัดงาน HomePro Expo ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 13-22 พ.ย.63 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเดียวกันกับทางรัฐบาล ที่มีการออกมาตรการดังกล่าวมา จึงคาดหวังว่าน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับบริษัทฯ ได้ในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงบริษัทฯ ยังมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดอีกค่อนข้างมาก เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงของเทศกาลปีใหม่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 4/63 ผ่านมา 1 เดือน บริษัทฯ ยอมรับว่ายอดขายสาขาเดิม (Same Store Sales) เดือนต.ค.63 ยังคงติดลบอยู่ เนื่องจากกำลังซื้อยังคงไม่ฟื้นตัวดี ด้วยพฤติกรรมของลูกค้าบางรายมีการจับจ่ายใช้สอยที่ระมัดระวังมากขึ้น ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งอยู่ระหว่างรอดูสถานการณ์เดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ ว่ายอดขายจะสามารถฟื้นตัวดีขึ้นได้หรือไม่ แต่บริษัทฯ ก็คาดหวังว่าด้วยการจัดงาน HomePro Expo, มาตรการช้อปดีมีคืน และการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆ จะสนับสนุนให้การจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น
สำหรับรายได้ในปี 63 นางสาววรรณี คาดว่า จะติดลบไม่ถึง 20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 67,423.88 ล้านบาท หลัง 9 เดือนที่ผ่านมา ติดลบ 8% โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 45,740.09 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าไตรมาส 4/63 น่าจะได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการช้อปดีมีคืนของทางภาครัฐ ซึ่งในรอบนี้มีมูลค่าการซื้อ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรดา ตามจำนวนที่จ่ายจริงรวมกันไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในปีที่ผ่านมา ประกอบกับยังมีระยะเวลาในการใช้ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค.63
สำหรับแผนการขยายสาขาในปีนี้ ในเดือนต.ค.63 บริษัทฯ ได้เปิดสาขา HomePro จำนวน 1 สาขา ที่รังสิต คลอง 4 และเตรียมเปิดอีก 1 สาขา ที่สุขสวัสดิ์ ในเดือนพ.ย.นี้ ทำให้สิ้นปี 63 จะมีสาขา HomePro เพิ่มเป็น 86 สาขา ซึ่งภายหลังจากการเปิดสาขาดังกล่าว บริษัทฯ คาดว่าจะสนับสนุนยอดขายให้เติบโต 2-3% ได้ในปี 64
ส่วนสาขาอื่นๆ ในปีนี้บริษัทฯ ไม่มีการขยายเพิ่มเติม ทำให้สิ้นปีนี้ HomePro s จะมีสาขารวมอยู่ที่ 9 สาขา, MEGA HOME 14 สาขา และ HomePro มาเลเซีย 6 สาขา
พร้อมกันนี้มองภาพรวมกำลังซื้อ โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกของปี 64 บริษัทฯ คาดว่าน่าจะยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนต้านโควิด-19, นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่กลับมา ทำให้ยังกดดันกำลังซื้อในภารวมอยู่ ซึ่งกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการบริหารสภาพคล่องให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และผลักดันกลุ่มสินค้า Private Brands เพื่อเพิ่มมาร์จิ้น