นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกราว 0.5 ถึงเกือบ 2% และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้ก็บวกกว่า 300 จุด แม้แต่ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สก็บวก แม้ตลาดสหรัฐฯจะมีการปรับฐานก็ตาม หลังจากที่มีความชัดเจนแล้วว่านายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้ว่าจะต้องรอเวลาอีกระยะในการเคลียร์เรื่องต่าง ๆ ก็ตาม
ทั้งนี้คาดหวังเม็ดเงินจะไหลเข้ามาในเอเชีย โดยเฉพาะ Emerging Market เนื่องจากนโยบายของนายโจ ไบเดน จะมีการปรับขึ้นภาษีทำให้มองว่าจะมีเม็ดเงินไหลออกมา ซึ่งตลาดบ้านเราก็อาจได้รับผลบวกไปด้วย
ส่วนบ้านเราการชุมนุมทางการเมืองในประเทศก็ยังไม่ได้มีความรุนแรงอะไร คนจึงยังไม่ให้ความสำคัญมาก แต่จะต้องจับตาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศหลังจากที่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ 1 รายเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ 290 ราย ซึ่งจะต้องติดตามจะติดเชื้อด้วยหรือไม่ อีกทั้งเงินบาทยังคงแข็งค่า และนักลงทุนต่างชาติเริ่มขายน้อยลง
พร้อมกันนี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/63 และติดตามการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ในสัปดาห์นี้ โดยให้แนวรับ 1,251 จุด ส่วนแนวต้าน 1,275-1,280 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,323.40 จุด ลดลง 66.78 จุด (-0.24%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,509.44 จุด ลดลง 1.01 จุด (-0.03%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,895.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.30 จุด (+0.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 17.27 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 243.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 444.80 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 80.45 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 22.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 22.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.99 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 พ.ย.63) 1,260.08 จุด ลดลง 4.24 จุด (-0.34%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 585.36 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 พ.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 พ.ย.63) ปิดที่ 37.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ 4.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 พ.ย.63) อยู่ที่ 1.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.48/52 แข็งค่ารอบ 10 เดือนตามภูมิภาค หลังดอลล์อ่อนค่า
- เอกชนไทยประเมิน "ไบเดน" ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หนุนเศรษฐกิจภายใน แก้โควิดระบาด สร้างบรรยากาศการค้าโลก ช่วยฟื้นเศรษฐกิจโลก ส.อ.ท.หวังส่งออกไทยไปสหรัฐปีหน้าขยาย 12% ซัพพลายเชนจีนได้รับอานิสงส์
- ธปท. เผยแบงก์มียอดปฏิเสธสินเชื่อไตรมาส 3/63พุ่ง ภาคเหนือหนักสุด 40-50% "กรุงไทย"ยอมรับปล่อยกู้ เข้มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หวั่นลูกค้ามีหนี้เกินตัว "กรุงศรี" ประเมินภาพรวมปล่อยกู้บ้านใหม่ ติดลบสองหลัก ด้าน"ทหารไทย"คาดเอ็นพีแอลสิ้นปี 4.35% คิดเป็นมูลค่า 1.1 แสนล้าน
- นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ของกระทรวงคมนาคมว่า เบื้องต้นหน่วยงานยื่นคำของบ 6.15 แสนล้านบาท โดยในสัปดาห์นี้จะเริ่มประชุมเพื่อลงรายละเอียดการเสนอคำของบประมาณทีละหน่วยงาน ก่อนจะสรุปคำขอเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณาในวันที่ 28 ธ.ค.2563 ต่อไป โดยย้ำว่าโครงการที่จะเสนอต้องมีความพร้อมสามารถตอบคำถามได้ในทุกเรื่อง
- นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการและผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักนายกรัฐมนตรี และ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาวิจัย แห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ประเมินถึงผลของ นโยบายประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีต่อเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภูมิภาค เศรษฐกิจไทยและตลาดการเงิน ว่า จะส่งผลบวกอย่างยิ่งต่อการลงทุนในตลาดการเงิน และความเชื่อมั่นการลงทุนและเศรษฐกิจในระยะสั้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- NCAP (บมจ. เน็คซ์ แคปปิตอล) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยมีราคาขาย IPO 2.20 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส (เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้) ได้ให้ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท คาดกำไรปี 2563-2564 +28% Y-Y และ 35% Y-Y ตามลำดับ โดยบริษัทฯเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และมีส่วนแบ่งตลาดแกร่งในภาคใต้ แม้ธุรกิจจะมีผู้ประกอบการมากรายและยอดขายรถจักรยานยนต์ที่ไม่โต แต่การขยายตัวของ E-Commerce โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นโอกาสในการเติบโต รวมถึงมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น COM7 และ SYNEX
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 17 บาท คาดกำไร Q3/63 -13% Q-Q แต่โตแรง +54% Y-Y หนุนโดย Gross Margin ที่ขยายตัว ขณะที่แนวโน้ม Q4/63 คาดทำจุดสูงสุดของปีหนุนด้วยการเปิดตัว iPhone 12 และสินค้า Gaming พร้อมคาดกำไรปี 2563-2564 โต +18%/15%/16% ตามลำดับ สะท้อน Margin ที่ขยายตัวแข็งแกร่ง ส่วนด้านสภาพคล่องในการดำเนินงานดีขึ้นตาม Cash Cycle ที่ทยอยลดลง ราคาหุ้นปรับฐานแรงลงใกล้แนวรับสำคัญ 14 บาททำให้ Upside กว้างขึ้น
- AMA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า Consensus 6.2 บาท แจ้งกำไรสุทธิ Q3/63 ดีเกินคาดที่ 71 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 31%qoq และ 54%yoy แนวโน้ม Q4/63 ยังโตต่อเนื่องจากปริมาณการขนส่งน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้นหลังจีนและอินเดียเร่งนำเข้า