MDX ปิดเทรดเช้าพุ่ง 292% ที่ 7.05 บ.โบรกฯให้ราคาพื้นฐาน 5.32-6.08 บ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 1, 2007 12:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          หุ้น MDX ปิดเทรดช่วงเช้าราคาพุ่งขึ้น 291.67% โดยปิดที่ราคา 7.05 บาท เพิ่มขึ้น 5.25 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 134.72 ล้านบาท จากราคาเปิดตลาดที่ 2.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 9.15 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.00 บาท
บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประเมินราคาพื้นฐาน 5.32-6.08 บาท กำไรสุทธิของบริษัทเกิดจากธุรกิจไฟฟ้าที่บริษัทในกลุ่มเข้าไปถือหุ้นในแต่ละโครงการ ปัจจุบันมี 2 โครงการที่ให้รายได้คือ เทินหินบูน ที่ลาว และบางบ่อ ที่สมุทรปราการ ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 210 และ 350 เมกะวัตต์ กำไรจะเข้ามาตามวิธีส่วนได้เสีย (Equity Method) ในงบรวมค่อนข้างสม่ำเสมอ
ส่วนธุรกิจของบริษัทเองคือนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี้ จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้เกิดรายได้จากการขายพื้นที่นิคมฯที่ค่อนข้างผันผวน และมีรายได้อื่นตามมา เช่น ค่าเช่า สาธารณูปโภค การบริหาร และที่ปรึกษา แต่รายได้จากนิคมฯและเกี่ยวเนื่องนี้ ยังประสบภาวะขาดทุนจากการดำเนินงาน คาดว่ากำไรปกติในปี 50 และ 51 เป็น 356 และ 361 ล้านบาท ตามลำดับ เทียบกับปี 49 ที่ขาดทุน 84 ล้านบาท ทั้งนี้ในประมาณการสมมุติให้ไม่มีกำไรจากรายการพิเศษ ขณะที่ปี 49 มีกำไรจากรายการพิเศษมาก โดยเฉพาะกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้กำไรสุทธิสูงเป็น 6,305 ล้านบาท จึงทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 50 และ 51 ดูน้อยมากเทียบกับปี 49 ราคาพื้นฐานข้างต้นกำหนดไว้ที่ P/E ปี 51 ที่ 7.0-8.0 เท่า และไม่ได้คาดว่าบริษัทจะมีการจ่ายปันผล เพราะมีขาดทุนสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก สำหรับโครงการไฟฟ้าในอนาคต คือ น้ำงึม 3 และส่วนขยาย เทินหินบูน ที่ประเทศลาว
ทั้งนี้ ไม่ได้ให้ส่วนเพิ่ม (premium)ในราคาพื้นฐานมากเพราะเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก มีกำลังการผลิตรวมในปัจจุบันที่ 560 เมกะวัตต์ หากรวมกับโครงการในอนาคต (เสร็จปี 56) คือน้ำงึม 3 กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ EGCO และ RATCH มีกำลังการผลิตในปัจจุบันมากกว่า 3,000 เมกะวัตต์ อีกทั้งโอกาสที่ EGCO และ RATCH มีโอกาสที่จะประมูลโครงการ IPP ที่จะเปิดปลายปีนี้ได้มาก ขณะที่ MDX มีโอกาสน้อยกว่ามากอีกทั้งส่วนใหญ่หุ้นโรงไฟฟ้าจะมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ขณะที่ MDX ยังมีขาดทุนสะสมมาก ณ สิ้น 1Q50 เป็น 4.2 พันล้านบาท ดังนั้นราคาพื้นฐานจึงใช้ P/E ที่ต่ำกว่า ขณะที่กลุ่มซื้อขายที่ค่าเฉลี่ยปี 51 ที่ 9.2 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ