นายปฐมภพ สุวรรณศิริ หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านการค้า (CCO) บมจ.ไทยคม (THCOM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 3/63 ที่มีรายได้จากการขายและให้บริการ 918 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาท เนื่องจากยังคงมุ่งเน้นการขายทรานสปอนเดอร์ที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะในต่างประเทศ
หลังจากในประเทศไทยมีการขายและการให้บริการดาวเทียมไปทั้งหมดแล้ว เช่น ดาวเทียมไทยคม 8 มีการขายและให้บริการกับตลาดในประเทศไปแล้ว 100% แต่ยังเหลืออีก 50% ในอินเดีย ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับรัฐบาลอินเดียอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายขายทรานสปอนเดอร์ดาวเทียมไทยคม 8 ส่วนที่เหลือให้กับรัฐบาลอินเดียทั้งหมด คาดหวังว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 64
บริษัทยังมีแผนขยายตลาดดาวเทียมที่เป็น Conventional ในกลุ่ม CLMV ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการเซ็นสัญญากับเมียนมาไปแล้ว ขณะที่มีมุมมองบวกในตลาดในฟิลิปปินส์ เนื่องจากรัฐบาลฟิลิปปินส์สนับสนุน e-Learning Platform อย่างมาก โดย THCOM อยู่ระหว่างทำงานร่วมกับพันธมิตรและรัฐบาลฟิลิปปินส์ในการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดังกล่าว หากทำสำเร็จก็คาดว่าจะสามารถใช้ capacity ของดาวเทียมที่ครอบคลุมฟิลิปปินส์ได้ทั้งหมด
นอกจากการขายทรานสปอนเดอร์แล้ว บริษัทยังหารายได้จากช่องทางอื่นๆ เข้ามาเพิ่ม โดยอยู่ระหว่างการทำโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้กับเรือ และการรุกธุรกิจหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง (โครงการภาครัฐ) ภายใต้นโยบาย Digital Economy รวมถึงศึกษาการนำดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์ 4) มาให้บริการ 5G ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการทดสอบร่วมกับพันธมิตรที่เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Operator) มากกว่า 1 ราย
ขณะที่การสร้างดาวเทียมดวงใหม่ ปัจจุบันบริษัทยังเดินหน้าศึกษาต่อเนื่อง โดยมี 2 แนวทาง ได้แก่ การสร้างดาวเทียมบนวงโคจรของรัฐบาลไทย ซึ่งปัจจุบันทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อยู่ระหว่างร่างกฎกติกาที่เกี่ยวข้องกับการประมูล คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้ และบริษัทยืนยันว่าจะเข้าร่วมประมูลอย่างแน่นอน โดยร่วมกับพันธมิตร ส่วนแนวทางที่ 2 คือ การให้บริการผ่านดาวเทียมต่างประเทศ ซึ่งบริษัทสามารถร่วมกับพันธมิตรสร้างดาวเทียมเพื่อให้บริการ
นายปฐมภพ กล่าวว่า ด้านการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ Nation Space and Technology (NSAT) ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง THCOM และ CAT เพื่อให้บริการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) โดยมีแนวทางในการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้บริการดังกล่าว ปัจจุบันมีอยู่ 3 โครงการในโลก ซึ่งบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย Starlink Constellation, OneWeb และ Telesat
ส่วนกรณีที่บริษัทได้รับหนังสือแจ้งเข้ากระบวนการระงับข้อพิพาทของดาวเทียมไทยคม 5 จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ซึ่งเรียกร้องให้บริษัทฯ ดำเนินการดังนี้
(1) สร้างและส่งมอบดาวเทียมทดแทนดาวเทียมไทยคม 5 หากไม่ส่งมอบดาวเทียมทดแทนดาวเทียมไทยคม 5 ให้ใช้ราคาดาวเทียมเป็นเงิน 7,790,097,900 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
(2) ชำระค่าปรับเป็นเงิน 4,980,000 บาท (คำนวนจากวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2563) พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และ (3) ค่าปรับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะส่งมอบดาวเทียมทดแทนดาวเทียมไทยคม 5 หรือชำระเงินค่าเสียหายครบถ้วน
บริษัทยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานอย่างถูกต้องและครบถ้วน อีกทั้งปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนจะต้องตั้งสำรองในงบการเงิน เนื่องจากหากเทียบกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับไทยคม 7,8 จะใช้เวลาในการพิจารณาถึง 2 ปี และคาดว่ากรณีดังกล่าวน่าจะเป็นเช่นเดียวกัน