โบรกฯมองหุ้นไทยสะท้อนปัญหาซับไพร์มมากแล้ว เชื่อก.ย.ฟื้นบวกการเมืองหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 22, 2007 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์และกองทุนมองปัญหาซับไพร์มส่งผลกระทบต่อเอเชียไม่มาก  ประเมินเดือนก.ย.ดัชนีหุ้นไทยน่าจะปรับขึ้นแล้ว หลังตลาดสะท้อนข่าวไปมากและยังถือเป็นตลาดที่มีปัจจัยพื้นฐานดีรองรับ ประกอบกับในประเทศมีปัจจัยการเมืองหนุน ดังนั้นจึงแนะเป็นจังหวะเข้าเก็บหุ้น 
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า สภาพคล่องในระบบยังดีอยู่ ปัจจุบันมีสภาพคล่องสะสมในเอเชียสูงถึง 2.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นปัญหาซับไพร์มไม่น่าจะส่งผลต่อเอเชียมากนัก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยยังคงมีความแข็งแกร่งแม้ว่าครึ่งปีแรกกำไรบริษัทจดทะเบียนจะติดลบถึง 17% แต่เชื่อว่าทั้งปีจะติดลบเพียง 5% เนื่องจากเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งมีนโยบายเศรษฐกิจใหม่ๆออกมานั้น น่าจะส่งผลดีต่อภาะเศรษฐกิจโดยรวม และดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 50 จะอยู่ที่ระดับ 800-850 จุด จากเป้าหมายเดิมที่ระดับ 900 จุด และปี 51 จะที่ระดับ 1,000 จุด
"ตลาดหุ้นรับข่าวในสถานการณ์ต่างๆค่อนข้างเร็ว เมื่อมีปัญหาซับไพร์มตลาดหุ้นจึงมีการปรับตัวลดลงล่วงหน้าเผื่อสถานการณ์ในอนาคตด้วย แต่ตลาดหุ้นไทยที่มีการเทขายของนักลงทุนต่างชาติเป็นการเก็บเงินสดเพื่อรองรับสถานการณ์แต่กระทบน้อยในเอเชีย เฮจด์ฟันด์มีเกือบ 1 หมื่นรายทั่วโลก และทุกรายแสวงหากำไร ดังนั้นจึงเข้าออกเร็ว เมื่อมีปัญหาความเชื่อมั่นและมีปัจจัยต่างๆมากระทบทำให้เชื่อว่าแรงเทขายออกมาต่อเนื่องได้ตามสภาวะในตลาดหุ้นไทย"นายไพบูลย์กล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าแรงขายของกองทุนเก็งกำไรหรือเฮจด์ฟันด์ น่าจะชะลอตัวจากช่วงที่ผ่านมาเฮจด์ฟันด์ได้มีการขายหุ้นออกไปแล้ว จำนวน 40,000 ล้านบาท แต่เม็ดเงินต่างชาติที่จะไหลเข้ามาลงทุนคงจะไม่มาก และเชื่อว่าความกังวลในเรื่องปัจจัยซับไพร์มนั้นน้อยลงโดยปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยน่าจะเป็นปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งหากมีการเลือกตั้งเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยในปีหน้าปรับตัวดีมากขึ้น
นายสุกิจ อุดดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย เชื่อว่าในเดือนก.ย.นี้ ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เพราะ จากปกติที่ผ่านมาตลาดหุ้นจะใช้เวลาซึมซับข่าวเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งจากที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมากแล้วถึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปลงทุนในระยะยาว
โดยแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มปตท. เพราะ มีมูลค่าสินทรัพย์ที่สูง และหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี จากราคาเอทิลีนมีราคาที่สูงขึ้น โดยยังไม่แนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะยอดสินเชื่อยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา
ทั้งนี้จากปัญหาเรื่องซับไพร์มนั้น ก็จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยบ้างจาก แต่ไม่น่าจะมีปัญหามากเหมือนในอเมริกา ภาวะเศรษฐกิจอาจชะลอตัวจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในอเมริกา ด้านการปล่อยสินเชื่อของธนาคารให้ผู้กู้จะน้อยลง สภาพคล่องของผู้ที่ปล่อยกู้จะน้อยลงจากเดิมอาจมีการปล่อยกู้ 100% ก็จะลดลง ส่งผลต่อสินเชื่อบ้าน และกระทบต่อเนื่องไปยังผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกต่อด้วย
นายปริทรรศน์ เหลืองอุทัย กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอสซีบี ควอนท์ จำกัด กล่าวว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้นำเงินเข้าไปพยุงปัญหาซับไพร์มถึง 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อไม่ให้สถาบันการเงินมีปัญหาทำให้ถูกมองว่าปัญหาซับไพร์มยังเป็นปัญหาใหญ่และอาจลุกลามต่อเนื่องไปยังกลุ่มลูกค้าอื่นในอนาคต และเชื่อว่าเศรษฐกิจภาพรวมอเมริกาจะซบเซาถึง 2 ปี และกว่าจะฟื้นตัวได้อีก ส่งผลคนอเมริกาตกงาน ซึ่งส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจต่อเนื่องในสหรัฐฯ แต่ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความแข็งแกร่งและไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงเท่าที่สหรัฐฯ
แต่ตลาดหุ้นไทยยังดีมากหากมองด้านปัจจัยพื้นฐานที่ดีจากเศรษฐกิจที่มีการเติบโตดี จึงมองว่าเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการที่จะเข้ามาลงทุน
โดยหากจะพิจาณาในการลงทุนนั้นถือว่าตลาดหุ้นไทยน่าลงทุนมากที่สุด โดยควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีฐานะการเงินที่ดี มีสัดส่วนการกู้ที่ต่ำ ซึ่งหากต้องการที่จะไปลงทุนต่างประเทศควรที่จะลงทุนในตลาดหุ้นในแถบเอเชีย จากเศรษฐกิจโตดี หากต้องการในแถบยุโรปควรเลือกเป็นบางประเทศ เพราะ สถานการณ์ปัญหาฟองสบู่ที่เพิ่งเริ่มก่อตัวยังไม่ถึงขั้นที่ฟองสบู่แตก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ