นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ แม้จะเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างในตลาดหุ้นสิงคโปร์ และตลาดหุ้นมาเลเซีย แต่ตลาดในแถบเอเชียเหนือก็ยังบวกได้ราว 1% จากเม็ดเงินที่ไหลเข้า ซึ่งก็ยังมองว่าเม็ดเงินน่าจะไหลเข้ามาตลาดในแถบเอเชียใต้ด้วย เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ขานรับความคืบหน้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และยังได้แรงหนุนจากนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงราคาน้ำมันดิบก็ยังปรับตัวขึ้นมาได้ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราเมื่อวานนี้ก็มีแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติมากถึงกว่า 18,000 ล้านบาท ทำให้น่าจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดฯได้ดี ซึ่งที่ผ่านมาตลาดบ้านเราก็ underperform อยู่ แต่ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราก็ถือว่าปรับตัวขึ้นไปมาถึง 150 จุด ก็อาจจะมีการพักตัวในระหว่างทางได้
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามทิศทาง Fund Flow และติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ส่วนการปรับน้ำหนัก MSCI ที่เกิดขึ้นก็อาจจะทำให้มีแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวก่อนถึงวันมีผลบังคับใช้สิ้นเดือน
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,330-1,360 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,420.92 จุด เพิ่มขึ้น 262.95 จุด (+0.90%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,553.86 จุด ลดลง 159.93 จุด (-1.37%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,545.53 จุด ลดลง 4.97 จุด (-0.14%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.13 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 240.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 74.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 14.68 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.38 จุด -0.15%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 พ.ย.63) 1,341.24 จุด เพิ่มขึ้น 55.36 จุด (+4.31%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 18,898.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พ.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 พ.ย.63) ปิดที่ 41.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 พ.ย.63) อยู่ที่ 1.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.29/30 แข็งค่าต่อเนื่องจากวานนี้ ให้กรอบเคลื่อนไหว 30.20-30.40
- นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้เห็นชอบร่างผลการทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) โดยการเรียกเก็บภาษีสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบที่มีแหล่งกำเนิดจากญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ และเห็นชอบให้ใช้มาตรการนี้ต่อไปอีก 5 ปี หลังจากใช้มาตรการครบ 5 ปีแล้ว สาเหตุให้ต่ออายุมาตรการเพราะยังพบการทุ่มตลาดในไทย คือตั้งราคาขายเหล็กในไทยต่ำกว่าขายในประเทศผู้ผลิต จนทำให้อุตสาหกรรมเหล็กไทยเสียหาย โดยปัจจุบัน ไทยเก็บอากรเอดีเหล็ก 3 ประเทศ ดังนี้ ญี่ปุ่น 50.92% ของราคา ซี ไอ เอฟ (ราคาสินค้ารวมค่าระวางเรือ ค่าประกันสินค้า), ไต้หวัน 0-33.99% และเกาหลีใต้ 50.99%
- สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) จ่อถก "สุพัฒนพงษ์" ยกเครื่องแผนลงทุนอีอีซีช่วง 5 ปี รองรับอานิสงส์โจ ไบเดน นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ เชื่อส่งผลดีกับการลงทุนอีอีซี ด้าน ครม.ผุดคณะกรรมการเร่งรัดติดตามเบิกจ่าย บี้ใช้งบปี 64 หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
- นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้ความเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 64 ว่าจะต้องรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกด้วยว่าจะผันผวนอย่างไร เพราะเศรษฐกิจของไทย ต้องยอมรับว่ายังต้องพึ่งพาการส่งออก และรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเพราะหากเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยก็จะไม่ฟื้นตัวตามไปด้วย
- "พลังงาน" ชี้แบตเตอรี่ปฏิวัติพลังงาน เผย "ไบเดน" หนุนพลังงานสะอาด ดันอีวีโตกระตุ้นใช้แบตเตอรี่ "บางจาก" เดินหน้าเหมืองลิเธียมในอาร์เจนตินา-สหรัฐ เล็งตั้งโรงงานแบตเตอรี่ในยุโรป งบลงทุน 200-300 ล้านดอลลาร์
*หุ้นเด่นวันนี้
- SABUY (บมจ.สบาย เทคโนโลยี) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีราคาขาย IPO 2.50 บาท/หุ้น ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมาย 4.00 บาท/หุ้น อิงวิธี PEG ที่ 0.8x (อิงกำไรช่วง 3-4 ปีข้างหน้าที่ขยายตัวสูงแต่จะค่อย ๆ ลดลงในอนาคต) และ EPS growth (2563-2566) ที่ +37% CAGR ที่อิงจากธุรกิจที่ดำเนินอยู่ปัจจุบัน (ตู้เติมเงิน, ตู้ขายสินค้า และศูนย์อาหาร) โดยยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจ SBM ที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มการเติบโตของกำไรในระยะยาว
บริษัทฯเป็นผู้พัฒนาด้านเทคโนโลยีการเงินที่มี Ecosystem สำหรับธุรกิจค้าปลีกของตนเอง โดยแบ่งการดำเนินธุรกิจหลักเป็น 4 ธุรกิจ ได้แก่ 1) ธุรกิจตู้เติมเงินอัตโนมัติ ภายใต้เครื่องหมายการค้า "เติมสบายพลัส" ซึ่งปัจจุบันให้บริการมากกว่า 52,000 ตู้ทั่วประเทศ 2) ธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ภายใต้แบรนด์ "เวนดิ้ง พลัส" และ "6.11 select" รวมกันมากกว่า 5,700 ตู้ 3) ธุรกิจติดตั้งและวางระบบศูนย์อาหาร ปัจจุบันมีศูนย์อาหารที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท 213 แห่ง และ 4) ธุรกิจให้บริการการชำระเงิน ภายใต้ชื่อ "สบาย มันนี่"
- MORE-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.มอร์ รีเทิร์น(MORE)) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีจำนวน 543,354,319 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออกและเสนอขาย (22 ตุลาคม 2563) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 21 ต.ค. 2564 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 21 ต.ค. 2565
- MSCI ปรับหุ้นเข้าออกโดย MSCI Thailand หุ้นเข้า DELTA STGT หุ้นออก TMB IRPC ส่วน MSCI Global Small Cap หุ้นเข้า BPP ICHI IRPC JMART M RBF TFG TISCO VGI หุ้นออก STPI THAI มีผล 30 พ.ย. นี้ (ฟินันเซีย ไซรัส)
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 216 บาท เป็นหุ้น Big Cap ที่ราคายังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าหุ้นใหญ่ในอุตสหากรรมอื่นที่ปรับตัวขึ้นแรงวานนี้จากประเด็นวัคซีนโควิด-19 ทำให้คาดว่ามีโอกาสที่กระแสเงินทุนอาจไหลเขาจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าในฐานะ Laggard Play คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน Q2/63-Q3/63 และทยอยฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงรายได้จาก Roaming และ Traveller SIM ที่จะกลับมาในระยะถัดไปโดยเฉพาะหลังได้วัคซีนโควิด-19
- PTTEP (กรุงศรี) "ซื้อ" IAA Consensus เป้า 102 บาท ได้ sentiment บวกราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเนื่อง (Oil link) ขณะที่ราคาหุ้นยังปรับขึ้นน้อยหรือ Laggard จากกลุ่ม