MORE-W2 เปิดเทรดวันแรกที่ 0.11 บาท ขณะที่เมื่อเวลา 10.02 น.หุ้น MORE อยู่ที่ 0.80 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 2.17 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.80 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.81 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.80 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.มอร์ รีเทิร์น(MORE) ใช้ชื่อย่อ MORE-W2 ที่ 0.20 บาท (BSM) อิงราคาหุ้นแม่ที่ 0.80 บาท โดยมีความผันผวนของหุ้นแม่ที่ 91.8% ในด้านของต้นทุนผู้ได้รับ MORE-W2 ไม่มีต้นทุนจากการขึ้นเครื่องหมาย (ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังวันขึ้นเครื่องหมาย XW) ด้วย All-in Premium ที่สูงถึง 175%, สถานะที่ Deep Out-of-The-Money และมูลค่าการซื้อขายของหุ้นแม่ที่ต่ำไม่ถึง 1 ล้านบาทต่อวัน ทำให้เรามองว่าการเก็งกำไรใน MORE-W2 ทำได้ยาก และมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องสูง
พร้อมให้กรอบมูลค่าของ MORE-W2 ไว้ที่ 0.17-0.22 บาท เมื่อราคาหุ้น MORE เคลื่อนไหวในกรอบ 0.75-0.85 บาท โดยมี Volatility 90% per year
MORE-W2 จำนวนที่ออก 543.35 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 12 หุ้นเดิม : 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพ อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 2.00 บาท อายุ 2 ปี โดยสามารถใช้สิทธิได้ในวันที่ 21 ต.ค. (ใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 21 ต.ค. 2564 และหมดอายุในวันที่ 21 ต.ค. 2565)
MORE การประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัท สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักได้แก่ 1) ธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน (Energy Saving) และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานทดแทน (Renewable Energy) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท และบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท พี เพาเวอร์ แพลนท์ จำกัด และบริษัท อีเอสพี รี-ไล้ฟ์ แบตเตอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด 2) ธุรกิจวางระบบน้ำประปาเพื่อบริหารจัดการน้ำประปาบนเกาะเสม็ด ซึ่งดำเนินการและบริหารจัดการโดยบริษัทย่อยคือ บริษัท เสม็ด ยูทิลิตี้ส์ จำกัด 3) ธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินการโดยบริษัทย่อยคือ บริษัท มอร์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (ชื่อเดิม คือ บริษัท ดีเอ็นเอ เรฟโวลูชั่น จำกัด)