นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง (RT) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรกพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากจุดเด่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษงานรับเหมาก่อสร้างด้านวิศกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เช่น งานอุโมงค์, โครงสร้างใต้ดิน, เขื่อนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ, งานนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินด้วยวิธีดันท่อและเจาะดึงท่อ ซึ่งถือว่ามีคู่แข่งในงานดังกล่าวน้อยมากในประเทศไทย รวมถึงยังมีโอกาสในการเข้าไปรับงานดังกล่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้นในอนาคต จากปัจจุบันมีสัดส่วนงานมาจากในประเทศเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐ
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าผลงานทั้งปี 63 จะทำสถิติสูงสุด หลังจาก 9 เดือนแรกทำรายได้รวม 2,114.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,687.48 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.31% และมีกำไรสุทธิ 204.57 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 67.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 205.24% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/63 บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 ที่มีรายได้รวม 673.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 643.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.60% และมีกำไรสุทธิ 67.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 135.88% เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) อีกราว 600-700 ล้านบาท จากทั้งหมดที่มี 4,200 ล้านบาท
บริษัทยังมีแผนเข้าประมูลงานใหม่เพิ่ม เช่น รถไฟทางคู่ 3 สัญญา มูลค่ารวม 72,000-75,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะเข้าไปเสนอราคาในส่วนของงานอุโมงค์ มูลค่าราว 20,000 ล้านบาท คาดว่าปลายปีนี้ภาครัฐจะมีการออก TOR และคาดหวังจะได้รับงานดังกล่าวอย่างน้อย 20% อีกทั้งเตรียมเข้าประมูลงานนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน และงานของกรมชลประทานด้วย
ส่วนปี 64 บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะกำไรจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจากปีนี้ จากการเข้าไปประมูลงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยวางเป้าหมายมี Backlog เติบโตแตะ 6,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีความสนใจเข้าไปรับงานอุโมงค์ กระทู้-ป่าตอง ของการทางพิศษแห่งประเทศไทย มูลค่าโครงการ 1.4 หมื่นล้านบาท, งานอุโมงค์ส่งน้ำ ของกรมชลประทาน, งานถนน ของกรมทางหลวง เป็นต้น
ส่วนงานในต่างประเทศ บริษัทก็มองโอกาสเข้าประมูลงานในประเทศเมียนมา ในงานโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ, โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ, ประเทศกัมพูชา ก็มองการรับงานอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันอยู่ระหว่างทำงานปรับปรุงเจดีย์ มูลค่า 200 ล้านบาท และในลาว มองว่าน่าจะกลับมามีศักยภาพอีกครั้ง ซึ่งบริษัทก็มีแผนเข้ารับงานโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ คาดหวังว่าในปีหน้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะปรับตัวขึ้นเป็น 25% จากปัจจุบัน 5% ส่วนที่เหลือจะมาจากในประเทศ ขณะที่สัดส่วนรายได้หลักยังมาจากงานอุโมงค์ราว 60% ของรายได้รวม
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า RT มีโอกาสรับงานได้อีกมากในอนาคต โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ทยอยประกาศออกมา อีกทั้งบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถบริหารต้นทุนการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 ต.ค.62-30 ก.ย.63) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 267 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมมีกำไรสุทธิ 229.47 ล้านบาท (1 ก.ค. 62-30 มิ.ย.63 ) ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นมาที่ 0.24 บาทต่อหุ้น จากเดิม 0.21 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.92 บาท อยู่ที่ 8 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 9.20 เท่า
"ภายหลังการระดมทุน RT จะสามารถสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้น จากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดย RT มีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรร ณ สิ้นไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 343.55 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักสำรองต่างๆ และมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเติบโตและโอกาสการรับงานโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต" นายสมภพ กล่าว