นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL)เปิดเผยว่า ในสิ้นเดือนนี้บริษัทจะขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการขอต่อเรือใหม่จำนวน 12 ลำ หรือคิดเป็นเงิน 360 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยลำละ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีขนาดเรือ 3.2 หมื่นเดทเวทตัน โดยจะเป็นการกู้จากสถาบันการเงิน
การต่อเรือใหม่จะเป็นการทยอยการต่อปีละ 3 ลำ และทยอยจ่ายเงินเป็นงวด ตั้งแต่ปี 53 ทั้งนี้หากผู้ถือหุ้นอนุมัติก็จะสามารถดำเนินการได้ทันที โดยอู่ต่อเรืออยู่ที่ประเทศอินเดีย
นอกจากนี้ คาดว่า ค่าระวางเรือปีนี้ทรงตัวอยู่ระดับสูงที่ 1.1-1.3 หมื่นเหรียญ/ลำ/วัน โดยครึ่งปีแรก ค่าระว่างเรืออยู่ที่ 1.26 หมื่นเหรียญ/ลำ/วัน
ส่วนหุ้นกู้ที่คาดว่าจะออกวงเงิน 1 พันล้านเหรียญนั้น คาดว่าอาจจะชะลอไปก่อน เนื่องจากปัญหาซับไพร์มทำให้ตลาดผันผวน
"แผนการออกหุ้นกู้ 1 พันล้านเหรียญ ที่คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติเมื่อเดือนก.ค.บริษัทคงจะชะลอการออกไปก่อน
เนื่องจากขณะนี้ตลาดหุ้นกู้มีปัญหาในเรื่องซับไพร์ม ถ้าออกหุ้นกู้ในช่วงนี้ อาจจะไม่ได้รับความสนใจและจะทำให้ต้นทุนสูง แต่บริษัทไม่ได้พับแผนเพียงแต่รอจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น ระหว่างที่รอตลาด บริษัทก็จะเตรียมทำเรตติ้งและเอกสารต่างๆให้พร้อม เพื่อหากตลาดเปิดก็จะสามารถทำได้ทันที" นายคาลิด กล่าว
ทั้งนี้ เม็ดเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวบริษัทจะนำไปใช้ในการซื้อเรือใหม่หรือเรือมือสองซึ่งที่ผ่านมาได้มีการขายเรือมือสองไปแล้ว 10 ลำ จึงจำเป็นที่บริษัทจะต้องหาเรือใหม่มาแทนเรือที่ขายออกไปและจะต้องรักษาความสามารถในการเดินเรือไว้ แต่เมื่อหุ้นกู้ชะลอไป บริษัทก็จะหันไปกู้เงินจากธนาคาร DnB NOR Bank ASA และธนาคารต่างประเทศอีก 4 แห่งรวม 250 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ ยังได้ขอวงเงินจากธ.กรุงไทยและ ธ.นครหลวงไทย ในวงเงินรวม 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการซื้อเรือมือสองซึ่งจะทำให้บริษัทจะต้องกู้เงินจากธนาคารทั้งในและต่างประเทศจำนวนเงินรวม 550 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับแผนงาน 5-10 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีขนาดกองเรือ 50-70 ลำ จากปัจจุบันที่เหลือ 44 ลำ ซึ่งลดลงจากก่อนหน้านี้ที่
ขายเรือไปแล้วและบันทึกกำไรเข้ามาในไตรมาส 2/50 แล้ว 72 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจำนวนเรือ 44 ลำดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็น
สัญญาระยะยาวถึง 86% ของความสามารถในการเดินเรือปัจจุบัน
"ถึงเราจะชะลอการออกหุ้นกู้ก็ไม่เป็นไรเพราะเราสามารถขอกู้จากธนาคาต่างประเทศและในประเทศได้ ซึ่งธนาคารดังกล่าวก็พร้อมที่จะให้เรากู้ ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าไม่กระทบมากเพราะรายจ่ายและรายรับเป็นเงินดอลลาร์" นายคาลิค กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--